xs
xsm
sm
md
lg

กูรูอีคอมเมิร์ซ เตือนรัฐเร่งคุมทุนต่างชาติ ผูกขาดค่า GP-ขนส่ง ทำธุรกิจไทยระส่ำ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



แพลตฟอร์มต่างชาติเร่งขยายอิทธิพลในตลาดไทย ผูกขาดระบบอีโคซิสเต็มตั้งแต่ขนส่ง ค่าคอมมิชชัน GP ไปจนถึงอัลกอริทึมการมองเห็น ผลักต้นทุนผู้ขายไทยให้พุ่งสูงจนใกล้ขีดจำกัด ผู้เชี่ยวชาญเตือนรัฐต้องเร่งกำกับ ก่อนธุรกิจไทยถูกกลืนทั้งอุตสาหกรรม

◉ แพลตฟอร์มจีนผูกขาดค่า GP ครองตลาดไทย

ตลาดอีคอมเมิร์ซไทยปี 68 กำลังเดินเข้าสู่ 'จุดเปลี่ยนครั้งใหญ่' ที่แรงกดดันไม่ได้มาจากการแข่งขันเชิงพาณิชย์เพียงอย่างเดียว แต่จาก 'อำนาจผูกขาดเชิงระบบ' ของแพลตฟอร์มต่างชาติ โดยเฉพาะแพลตฟอร์มจากจีนที่เริ่มควบคุมห่วงโซ่มูลค่าทั้งหมด ตั้งแต่ผู้ขาย การขนส่ง การชำระเงิน ไปจนถึงข้อมูลลูกค้า และที่สำคัญคือ 'ค่า GP' ที่ปรับขึ้นอย่างต่อเนื่องจนกลายเป็นต้นทุนแฝงที่กำลังบีบให้ผู้ขายไทยหลายรายต้องถอยออกจากตลาด

นายธนาวัฒน์ มาลาบุปผา ที่ปรึกษา และนายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ประกอบการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ไทย (THECA) และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไพร์ซซ่า จำกัด วิเคราะห์ว่า ปี 67 ตลาดอีคอมเมิร์ซไทยมีมูลค่าแตะ 1 ล้านล้านบาท และคาดว่าจะเติบโตเพียง 5-7% ในปี 68 ซึ่งต่ำสุดในรอบทศวรรษ จากผลกระทบของกำลังซื้อที่ชะลอตัว และโครงสร้างค่าธรรมเนียมใหม่ ที่เอื้อแพลตฟอร์มมากกว่าผู้ขาย

"แพลตฟอร์มใหญ่ขึ้นค่า GP บ่อยโดยไม่มีเพดาน ร้านค้าเล็กแทบไม่มีทางต่อรอง ขณะที่ ระบบอัลกอริทึมยังปิดกั้นการมองเห็น ทำให้ผู้ขายไทยยิ่งเสียเปรียบ หากรัฐไม่เข้าแทรกแซง ความเหลื่อมล้ำทางดิจิทัลจะยิ่งรุนแรง และรายได้จากอีคอมเมิร์ซจะไหลออกนอกประเทศมากขึ้น" นายธนาวัฒน์ กล่าว

◉ 5 สัญญาณพลิกเกมอีคอมเมิร์ซไทย

1.Affiliate Commerce สู่ยุค 3C
โมเดล Content-Creator-Commerce กลายเป็นหัวใจของการตลาดยุคใหม่ ผู้บริโภคกว่า 80% ตัดสินใจซื้อสินค้าตามครีเอเตอร์ นายธนาวัฒน์ ชี้ว่า ผู้ค้าต้องเร่งสร้างพันธมิตรกับครีเอเตอร์ เช่น โครงการ Shopfluence by Priceza ที่เชื่อม 7-Eleven, Lotus’s, Banana และ Coway กับครีเอเตอร์โดยตรง เพื่อหลุดพ้นจากการพึ่งพาแพลตฟอร์มต่างชาติที่เก็บ GP สูง

2.สินค้าจีนทะลัก-ภาษีไทยยังอ่อนแรง
การยกเว้นภาษีสินค้านำเข้ามูลค่าไม่เกิน 1,500 บาท (ประกาศราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 16 ธ.ค.67) ทำให้สินค้าจีนทะลักตลาด ขณะเดียวกัน แบรนด์จีนเริ่มตั้งบริษัทและเปิด Official Store แข่งโดยตรงกับผู้ขายไทย "ปี 68 จะไม่ใช่แค่สินค้าจีนโนเนมอีกต่อไป แต่คือแบรนด์จีนเต็มรูปแบบ" นายธนาวัฒน์ เตือน

3.สงครามข้อมูล (Data War)
ข้อมูลกลายเป็นอาวุธหลักของการแข่งขัน แต่แพลตฟอร์มยังกั๊กข้อมูล ไม่เปิดให้ผู้ขายเข้าถึงอย่างเท่าเทียม ส่งผลให้ผู้ค้าไทยไม่สามารถใช้เครื่องมือวิเคราะห์ตลาดได้เต็มที่ ยิ่งเพิ่มความเหลื่อมล้ำระหว่างทุนใหญ่กับรายย่อย

4.โมเดลใหม่รับมือค่า GP พุ่ง
ธุรกิจไทยเริ่มย้ายไปสร้าง Brand.com หรือใช้ Marketplace เฉพาะทาง เช่น NocNoc, Konvy, HomePro เพื่อเก็บข้อมูลลูกค้าเองและลดการพึ่งพาแพลตฟอร์มที่ขึ้นค่า GP ต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน โมเดล Consignment แบบ Temu ที่ตั้งราคาขายเองจากโรงงานแม้ดึงลูกค้าได้ แต่ทำให้ผู้ผลิตไทยสูญเสียอำนาจต่อรอง

5.Fast Delivery กลายเป็นมาตรฐานแข่งขันใหม่
ความเร็ว คือ สมรภูมิใหม่ของอีคอมเมิร์ซ ผู้บริโภคไทยคาดหวังการส่งภายในวันเดียว ทุกแพลตฟอร์มต้องเร่งลงทุนระบบ On-Demand Delivery เช่น Shopee Express หรือ Lotus’s Online แต่ต้นทุนโลจิสติกส์ที่เพิ่มสูง กลับกลายเป็นภาระหนักของผู้ขายรายย่อย

◉ ร้องรัฐเร่งคุมผูกขาด-เก็บภาษีดิจิทัล

นายธนาวัฒน์ เรียกร้องให้หน่วยงานรัฐ เช่น สำนักงานคณะกรรมการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (สพธอ.) หรือ ETDA และ สำนักงานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า (กขค.) เร่งวางกรอบกำกับค่าธรรมเนียมแพลตฟอร์ม และการปิดกั้นขนส่งที่ละเมิดการแข่งขันเสรี พร้อมเสนอให้จัดเก็บ ภาษีบริการดิจิทัล (Digital Service Tax) จากผู้ขายต่างชาติอย่างเท่าเทียม เพื่อปิดช่องโหว่รายได้ประเทศและสร้างสนามแข่งขันที่ยั่งยืน

"ไทยไม่ควรยอมแรงกดดันจากสหรัฐฯ ให้ยกเว้นภาษีบริการดิจิทัล เพราะจะยิ่งเปิดทางให้ทุนต่างชาติผูกขาดรายได้ออนไลน์ทั้งหมด" นายธนาวัฒน์ ระบุ

◉ อีคอมเมิร์ซไทย จะอยู่หรือถูกกลืน

ตลาดอีคอมเมิร์ซไทยในปี 68 จึงไม่ใช่เพียงสมรภูมิแห่งยอดขาย แต่เป็น 'สนามรบทางโครงสร้างเศรษฐกิจ' ที่ทุนต่างชาติเริ่มยึดครองทุกมิติ ตั้งแต่ระบบโลจิสติกส์ไปจนถึงข้อมูลลูกค้า ขณะที่ ผู้ประกอบการไทยยังต้องเผชิญต้นทุนค่า GP ที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
 
หากรัฐบาลยังไม่เร่งออกมาตรการคุมเกม ทั้งในด้านภาษี การแข่งขัน และการคุ้มครองข้อมูล ตลาดดิจิทัลไทยอาจถูกผูกขาดอย่างเบ็ดเสร็จในเวลาไม่เกิน 3 ปี ทิ้งผู้ค้ารายย่อยไว้ข้างหลังในสมรภูมิที่ถูกกำหนดโดยทุนต่างชาติ ไม่ใช่ตลาดเสรีอีกต่อไป


กำลังโหลดความคิดเห็น