'ดีอี' เรียกเฟซบุ๊กเคลียร์ใจ! ปล่อยสแกมเมอร์ระบาด ลั่น แพลตฟอร์มต้องรับผิดชอบหากละเลยจนคนไทยเสียหาย เตรียมหารือ 20 พ.ย.68 หาทางร่วมปราบ ปิดช่องอาชญากรรมไซเบอร์
เมื่อวันที่ 7 พ.ย.68 นายไชยชนก ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี)เปิดเผยผลปฏิบัติการ Cut Down Scam-สยบเครือข่ายค้าข้อมูลส่วนบุคคล ภายหลังการประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ครั้งที่ 8/2568 โดยเป็นการบูรณาการร่วมกันระหว่างกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) และสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPC) ซึ่งสามารถสกัดวงจรอาชญากรรมไซเบอร์ที่ซื้อขายข้อมูลประชาชนได้สำเร็จ
นายไชยชนก กล่าวว่า การปฏิบัติการครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจค้นเป้าหมาย 8 พื้นที่ทั่วประเทศ ได้แก่ เชียงราย อุดรธานี สระบุรี ปทุมธานี สมุทรสาคร ประจวบคีรีขันธ์ ชลบุรี และภูเก็ต พร้อมจับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งหมด 6 ราย ตามหมายจับศาลอาญาในข้อหา "เก็บรวบรวม ครอบครอง หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อนำไปใช้กระทำอาชญากรรมทางเทคโนโลยี" ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 500,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ นอกจากนี้ ยังตรวจยึดของกลางหลายรายการ อาทิ คอมพิวเตอร์ 6 เครื่อง โทรศัพท์มือถือ 17 เครื่อง อุปกรณ์สำรองข้อมูล 9 เครื่อง สมุดบัญชีธนาคาร 7 เล่ม และอุปกรณ์เชื่อมต่อคอมพิวเตอร์อีกหลายรายการ
จากการสืบสวนพบว่า กลุ่มผู้ต้องหาเป็นเครือข่ายค้าข้อมูลประชาชนรายใหญ่ ซึ่งลักลอบซื้อขายข้อมูลส่วนบุคคลผ่านเพจเฟซบุ๊กชื่อ "การตลาดสายเทา" โดยประกาศขายข้อมูลชื่อ-สกุล ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ บัญชีธนาคาร และบัญชีไลน์ ในราคาประมาณ 3,000-5,000 บาทต่อ 100,000 รายชื่อ เจ้าหน้าที่ได้วางแผนล่อซื้อจนพบว่าข้อมูลที่ได้รับเป็นข้อมูลจริง รวมกว่า 2.3 ล้านรายชื่อ และเมื่อตรวจสอบกับฐานข้อมูลแจ้งความออนไลน์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พบว่ามีรายชื่อผู้เสียหายจากคดีหลอกลวงออนไลน์ถึง 4,630 คดี รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 298 ล้านบาท
ต่อมาจากการขยายผล พบว่าข้อมูลส่วนใหญ่ได้มาจากเครือข่ายเว็บพนันออนไลน์ แอปกู้เงินเถื่อน และแอปหลอกลวงขอข้อมูล โดยผู้ต้องหายังมีข้อมูลส่วนบุคคลเก็บไว้เพิ่มเติมอีกกว่า 6 ล้านรายชื่อ รวมแล้วมีข้อมูลรั่วไหลกว่า 9 ล้านรายชื่อ เบื้องต้นผู้ต้องหาทั้ง 6 รายให้การรับสารภาพ
นายไชยชนก กล่าวว่า ปัญหาอาชญากรรมไซเบอร์ โดยเฉพาะกลุ่มคอลเซ็นเตอร์และแก๊งพนันออนไลน์ ได้สร้างความเสียหายร้ายแรงทั้งต่อประชาชนและเศรษฐกิจประเทศ ดังนั้น รัฐบาลและกระทรวงดีอีจึงให้ความสำคัญในการสกัดกั้นเครือข่ายอาชญากรรมดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง ประชาชนต้องไม่ประมาทในการให้ข้อมูลส่วนตัว โดยเฉพาะเมื่อกรอกข้อมูลผ่านเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันใดๆ ควรตรวจสอบให้แน่ชัดว่าผู้ขอข้อมูลมีความน่าเชื่อถือ และจะไม่นำข้อมูลไปใช้ในทางที่ผิด
กระทรวงดีอี และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ยังฝากเตือนว่า การซื้อ ขาย หรือเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต ถือเป็นความผิดตามกฎหมาย และผู้กระทำจะต้องได้รับโทษตามพระราชกำหนดว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีอย่างเด็ดขาด
นอกจากนี้ นายไชยชนก กล่าวว่า กระทรวงดีอี เตรียมเรียกผู้บริหารบริษัทเมตา เจ้าของแพลตฟอร์มเฟซบุ๊ก เข้าพบในวันที่ 20 พ.ย.68 โดยจะเป็นการหารือโดยตรงระหว่างรัฐบาลไทยกับผู้บริหารระดับภูมิภาคของเมตา เพื่อวางแนวทางร่วมกันในการจัดการและป้องกัน ปัญหาอาชญากรรมไซเบอร์ที่อาศัยช่องว่างบนแพลตฟอร์ม รวมถึงการควบคุมโฆษณาผิดกฎหมายและกลุ่มพนันออนไลน์ ซึ่งยังพบว่าแพร่ระบาดอยู่ในเฟซบุ๊กอย่างต่อเนื่อง
"ขณะนี้ เฟซบุ๊กกำลังถูกสังคมรุมสกรัม เนื่องจากปล่อยให้เกิดกลุ่มลับซื้อขายข้อมูลโดยไม่ตรวจสอบหรือจัดการอย่างจริงจัง ซึ่งถือเป็นความผิดร้ายแรง และต้องชี้แจงต่อรัฐบาลไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้น เฟซบุ๊กต้องชี้แจงว่า ทำไมถึงปล่อยให้มีการตั้งกลุ่มลับซื้อขายข้อมูลกันได้อย่างโจ่งแจ้ง เพราะนี่ไม่ใช่เรื่องเล็ก แต่เป็นปัญหาที่กระทบความมั่นคงของประชาชนทั้งประเทศ
โดยเราได้พูดคุยกับเมตามาก่อนหน้านี้ราว 3 สัปดาห์ ซึ่งบริษัทได้ยืนยันว่า จะส่งผู้บริหารบินมาพบด้วยตัวเอง เพื่อหารือแนวทางจัดการปัญหาสแกมเมอร์และกลุ่มธุรกิจสีเทาในแพลตฟอร์ม ซึ่งถือเป็นพัฒนาการสำคัญที่สะท้อนความร่วมมือเชิงบวก และเป็นผลโดยตรงจากรายงานของสำนักข่าวต่างประเทศที่สร้างแรงกดดันให้เมตาต้องแสดงความรับผิดชอบอย่างจริงจังต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึง แพลตฟอร์มทั้งหมด ต้องจริงจังกับเรื่องยืนยันตัวตนมากขึ้น ถ้าไม่ทำ แล้วเกิดความเสียหายกับประชาชน แพลตฟอร์มต้องร่วมรับผิดชอบด้วย" นายไชยชนก กล่าว


