ฟูจิตสึ (Fujitsu) ประกาศเดินหน้าโครงการพัฒนาคอมพิวเตอร์ควอนตัมอย่างเป็นทางการ ชูเป้าหมายระดับชาติ ผลักดันให้ญี่ปุ่นก้าวสู่การเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีควอนตัมในเชิงอุตสาหกรรม
เป้าหมายหลักโปรเจ็กต์นี้คือการพัฒนาคอมพิวเตอร์ควอนตัมแบบซูเปอร์คอนดักติงที่มีกำลังประมวลผล มากกว่า 10,000 คิวบิต ให้แล้วเสร็จภายใน ปีงบประมาณ 2573 เทคโนโลยีแกนกลางจะใช้สถาปัตยกรรม "STAR" ของฟูจิตสึเอง ซึ่งออกแบบมาให้ทนทานต่อข้อผิดพลาดในระยะเริ่มต้น (early-FTQC) โดยตั้งเป้าให้ระบบมี 250 คิวบิตที่เสถียร ในเฟสแรก
แผนระยะยาวคือการมุ่งสร้างระบบที่มี 1,000 คิวบิตที่เสถียร ภายในปี 2578 และสำรวจการรวมคิวบิตซูเปอร์คอนดักติงกับคิวบิตสปินในเพชรเพื่อสร้างแพลตฟอร์มลูกผสม
***รับบทแม่งาน
โครงการพัฒนาคอมพิวเตอร์ควอนตัมแบบซูเปอร์คอนดักติงนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการขององค์การพัฒนาเทคโนโลยีพลังงานใหม่และอุตสาหกรรม (NEDO) ภายใต้ "โครงการวิจัยและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานหลัง 5G" ของญี่ปุ่น โดยฟูจิตสึถูกแต่งตั้งให้เป็นผู้รับผิดชอบหลัก ดำเนินงานร่วมกับสถาบันวิจัยระดับประเทศอย่าง RIKEN และ AIST เพื่อเร่งการพัฒนาควอนตัมคอมพิวติ้งให้ใช้งานได้จริงในอุตสาหกรรม
นายวิเวก มหาจัน ประธานเจ้าหน้าที่เทคโนโลยีของฟูจิตสึ กล่าวว่าโครงการนี้จะมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเป้าหมายของบริษัท เพื่อพัฒนาคอมพิวเตอร์ควอนตัมซูเปอร์คอนดักติงแบบทนทานต่อข้อผิดพลาด ที่ผลิตในญี่ปุ่นให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้น พร้อมย้ำแผนการบูรณาการกับซูเปอร์คอมพิวเตอร์รุ่นใหม่
"โครงการนี้ซึ่งนำโดย NEDO จะมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเป้าหมายของเราเพื่อพัฒนาคอมพิวเตอร์ควอนตัมซูเปอร์คอนดักติ้งแบบทนทานต่อข้อผิดพลาด ที่ผลิตในญี่ปุ่นให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้น เรามีแผนที่จะผสานคิวบิตแบบซูเปอร์คอนดักติ้งเข้ากับคิวบิตจากสปินในเพชร โดยตั้งเป้าสร้าง 250 คิวบิตที่เสถียรภายในปีงบประมาณ 2573 และ 1,000 คิวบิตที่เสถียรภายในปีงบประมาณ 2578 ฟูจิตสึมุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำระดับโลกในอนาคตของคอมพิวเตอร์ควอนตัม นอกจากนี้ เราจะพัฒนาแพลตฟอร์ม HPC รุ่นถัดไป โดยใช้หน่วยประมวลผล FUJITSU-MONAKA ซึ่งจะเป็นพลังขับเคลื่อน FugakuNEXT และจะบูรณาการแพลตฟอร์มสำหรับการประมวลผลประสิทธิภาพสูงเข้ากับระบบควอนตัมคอมพิวติ้ง เพื่อนำเสนอระบบประมวลผลที่ครอบคลุมแก่ลูกค้าของเรา"
***เดินเครื่องปี 78
ด้านนางสาวกนกกมล เลาหบูรณะกิจ กรรมการผู้จัดการ ฟูจิตสึ (ประเทศไทย) ระบุว่าเทคโนโลยีนี้มีศักยภาพปฏิวัติอุตสาหกรรมทั่วโลกและในไทย โดยคาดว่าจะนำไปใช้งานจริงได้ภายในปี 2578
ปัจจุบัน ฟูจิตสึมุ่งพัฒนา 4 เทคโนโลยีหลักเพื่อก้าวข้ามความท้าทายในการขยายขนาดระบบ ได้แก่ 1. การผลิตคิวบิตคุณภาพสูง เพิ่มความแม่นยำในการผลิตชิ้นส่วน Josephson Junctions เพื่อลดความคลาดเคลื่อนของคิวบิต 2. การเชื่อมต่อระหว่างชิป พัฒนาเทคโนโลยีการเดินสายและบรรจุภัณฑ์เพื่อเชื่อมต่อชิปคิวบิตหลายๆ ชิ้นเข้าด้วยกัน 3. การบรรจุความหนาแน่นสูง โดยเฉพาะการแก้ปัญหาการจัดการความร้อนและระบบทำความเย็น เพื่อเพิ่มจำนวนคิวบิตในพื้นที่จำกัดโดยควบคุมต้นทุน และ 4. อัลกอริทึมแก้ไขข้อผิดพลาด บริษัทจะมุ่งพัฒนาซอฟต์แวร์และระบบสำหรับตรวจจับและแก้ไขข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นระหว่างการคำนวณควอนตัม
ที่สุดแล้ว การประกาศครั้งนี้สอดคล้องกับความพยายามล่าสุดของฟูจิตสึ หลังเปิดตัวสถาปัตยกรรม STAR ในเดือนสิงหาคม 2567 และประสบความสำเร็จในการพัฒนาระบบ 64 คิวบิตในปี 2566 และระบบ 256 คิวบิตในเดือนเมษายน 2568 ที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นระบบชั้นนำของโลก.


