เปิดวิสัยทัศน์ “ทวีศักดิ์ นิลวัชรมณี” ผู้บริหารกลุ่มบริษัท CDG ผู้อยู่เบื้องหลังเทคโนโลยีภาครัฐอย่าง ThaID แอปยืนยันตัวตนดิจิทัลที่มีผู้ใช้กว่า 35 ล้านคน ในวันที่หลายคนเซอร์ไพรส์กับความง่ายกว่าที่คิด ของโครงการ "คนละครึ่งพลัส" ที่เปิดลงทะเบียน 20 ล้านสิทธิ์ผ่านแอปเป๋าตังเมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2568 ด้วยหน้าจอที่โหลดเร็ว ไม่มีล่ม และไม่ต้องโหลดแอปใหม่ เรียกว่าแตกต่างจากเกือบทุกโครงการที่คนไทยต้องผ่านขั้นตอนมากมายกว่าจะได้รับสิทธิ์ที่รัฐมอบให้
แม้โครงการคนละครึ่งพลัสจะไม่ได้เกี่ยวข้องโดยตรงกับ ThaID และ CDG แต่ในทางอ้อม ปรากฏการณ์ความง่ายนี้คือการส่งสัญญาณว่าขั้นตอนลงทะเบียนรับสิทธิ์โครงการอื่นอาจจะมีความ “คลิกครั้งเดียว” ได้ในลักษณะเดียวกัน ซึ่งจากการคร่ำหวอดในวงการมากว่า 32 ปี ทวีศักดิ์เชื่อว่าเส้นทางการพัฒนาบริการรัฐนับจากนี้คือการเปลี่ยนจากตั้งรับมาเป็นเชิงรุก โดยเฉพาะการสร้างบริการที่ “วิ่งเข้าหาประชาชน” ซึ่งจะเกิดขึ้นได้ด้วยเทคโนโลยีภาครัฐที่กำลังส่งแรงกระเพื่อมถึงชีวิตคนไทย
ทวีศักดิ์ มีดีกรีเป็นหัวเรือใหญ่ Control Data Thailand (CDT) ซึ่งเป็นบริษัทแรกที่ก่อตั้งขึ้นในกลุ่มบริษัท CDG มาเป็นเวลาเกิน 50 ปี จากปี 2536 ที่ระบบทะเบียนราษฎรเริ่มเข้าสู่ช่วงการเปลี่ยนเป็นออนไลน์ ทวีศักดิ์เริ่มงานที่ CDT ทันทีหลังจบปริญญาโทด้วยตำแหน่ง System Engineer ดูแลระบบซอฟต์แวร์และระบบปฏิบัติการของเครื่องเมนเฟรมคอมพิวเตอร์สำหรับระบบทะเบียนราษฎร หลังจากนั้นได้ขยับไปดูแลงานบริการที่ซัปพอร์ตทีมนอกกรุงเทพฯ ก่อนจะขยายไปดูแลงานโปรเจกต์ งานขายและการตลาด จนกระทั่งก้าวขึ้นมาเป็นผู้บริหารคุมทีมบุคลากร CDT ที่มีกว่า 360 คน สามารถรักษารายได้กว่า 90% ของ CDT ให้ยังคงมาจากภาครัฐ และมีสัดส่วนประมาณ 30% ของเงินที่สะพัดในกลุ่ม CDG ทั้งหมด
CDT ถือเป็นบริษัทที่มีส่วนร่วมในระบบทะเบียนราษฎรตั้งแต่ยุคเริ่มต้น ซึ่งประเทศไทยเคยได้รับรางวัล Smithsonian Award ในเรื่องของฐานข้อมูลทะเบียนราษฎรที่มีขนาดใหญ่ติดอันดับโลก โดย CDT มุ่งเป็นผู้ให้บริการโซลูชันที่วางระบบและให้บริการที่ปรึกษากับหน่วยงานภาครัฐเป็นหลัก บริการดิจิทัลสำหรับประชาชนที่เข้าไปมีส่วนร่วมช่วง 2 ปีที่ผ่านมานอกจาก ThaID คือ TH Portal บริการที่ประชาชนสามารถเข้าถึงข้อมูลของตนเองที่ภาครัฐจัดเก็บไว้ (Citizen Dashboard) ผู้ใช้สามารถเห็นข้อมูลทะเบียนบ้าน การเป็นเจ้าของที่ดิน การเป็นเจ้าของรถ ประวัติการศึกษา และข้อมูลเครดิตบูโร หากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีการแชร์ข้อมูล
***ทำไมที่ผ่านมา ถึงลงทะเบียนรับสิทธิ์ได้ยาก?
นายทวีศักดิ์ นิลวัชรมณี ประธานบริษัท คอนโทรล ดาต้า (ประเทศไทย) จำกัด ในกลุ่มบริษัทซีดีจี กล่าวถึงปัญหาที่เคยเกิดขึ้นในการรับสิทธิ์โครงการประชานิยมในอดีต ว่ามักเกิดจาก 3 ประเด็นหลัก ทั้งสิทธิ์ที่มีจำนวนจำกัด ปัญหาด้านเทคนิคและโครงสร้างพื้นฐาน และปัญหาด้านกฎระเบียบที่กำหนดให้ต้องแสดงความประสงค์
“หากสิทธิ์มีจำนวนจำกัดและมีการดำเนินการแบบ มาก่อนได้ก่อน ย่อมทำให้เกิดปัญหามีการเข้าใช้งานพร้อมกันจำนวนมากจนระบบล่มอย่างแน่นอน หากเป็นไปได้ ก็ไม่ควรทำสิทธิ์ในลักษณะนี้ และหากจำเป็นต้องทำสิทธิ์ที่มีจำนวนจำกัดจริง ๆ ควรใช้วิธีให้แสดงเจตจำนงแล้วทำการสุ่มเลือก เช่นเดียวกับการจองหุ้น”
ในส่วนปัญหาด้านเทคนิคและโครงสร้างพื้นฐาน ทวีศักดิ์ชี้ว่าแม้แนวคิดเรื่อง Cloud จะสามารถขยายขนาด (scaleability) ได้ แต่ในความเป็นจริงแล้วระบบไม่สามารถรองรับโหลดที่พุ่งสูงขึ้นแบบรุนแรงและฉับพลันได้ โดยการขยายขนาดมักจะรองรับได้ในระดับ 3 เท่า, 5 เท่า หรือ 10 เท่า แต่ไม่ใช่ระดับหมื่นเท่าของปริมาณการใช้งานปกติ
"เมื่อประชาชนเข้าสู่ระบบไม่ได้ หลายคนจะพยายามทำธุรกรรมซ้ำ ทำให้ระบบล่มในที่สุด”
อีกส่วนคือปัญหาด้านกฎระเบียบที่กำหนดให้ต้องแสดงความประสงค์ ทวีศักดิ์พบว่าแม้สิทธิ์บางอย่างจะไม่มีจำนวนจำกัด แต่ระเบียบราชการกำหนดให้ "เจ้าตัวต้องแสดงความประสงค์" ในการรับสิทธิ์นั้น ๆ ทำให้เกิดการแห่กันไปลงทะเบียน
ปัญหาเหล่านี้นำไปสู่แนวคิดการให้บริการเชิงรุก (Proactive Service) วิสัยทัศน์ของทวีศักดิ์คือต้องการเห็นการบริการภาครัฐสู่ประชาชนเป็นแบบเชิงรุกเพื่อลดภาระของประชาชน
“หลักการของ Proactive Service คือระบบรู้สิทธิ์ของประชาชนอยู่แล้ว ไม่ต้องให้ประชาชนต้องมาเดินเรื่องหรือจดจำสิทธิ์ด้วยตนเอง เทคโนโลยีควรจะช่วยทำให้ทุกอย่างง่ายขึ้น”
ตัวอย่างสิทธิ์ที่ควรเป็น Proactive คือเบี้ยผู้สูงอายุ ซึ่งปัจจุบันผู้ที่มีอายุ 60 ปีต้องไปลงทะเบียนล่วงหน้า 1 ปี (ตั้งแต่อายุ 58-59 ปี) ระบบจึงควรส่งแจ้งเตือนหรือ Notification มาหาประชาชนเมื่อถึงเกณฑ์ว่ามีสิทธิ์แล้ว และถามว่าจะรับสิทธิ์หรือไม่ โดยสามารถกด "Yes"หรือ "No" ได้ทันที
หรือการรับสิทธิ์ชดเชยกรณีน้ำท่วม ซึ่งภาครัฐอาจจะรู้ข้อมูลว่าบ้านไหนน้ำท่วม ระบบควรส่งแจ้งเตือนมาถามเจ้าบ้านว่าจะรับเงินชดเชยหรือไม่ หากตอบรับอาจคลิกเพื่อโอนเข้าพร้อมเพย์ไปได้โดยไม่ต้องให้ลงทะเบียน ขณะเดียวกัน ก็อาจมีการแก้ไขสิทธิ์แบบ One-Click เพราะหากสิทธิ์นั้นเป็นสิทธิ์ที่ชัดเจน เช่น อยู่ในฐานภาษี ซึ่งภาครัฐควรรู้ข้อมูลอยู่แล้ว และก็สามารถส่ง Notification ให้ประชาชนยืนยันการรับสิทธิ์ได้ด้วยการ "คลิกครั้งเดียว" โดยมีทางเลือกให้กลุ่มที่ปฏิเสธสิทธิ์ สามารถคลิกได้สะดวกด้วยเช่นกัน
***อนาคตง่ายยิ่งขึ้น
สำหรับสถานการณ์ปัจจุบัน ทวีศักดิ์ชี้ว่าการให้บริการภาครัฐในขณะนี้มีทั้งแบบ Office Service (ประชาชนต้องเดินทางไปหาเจ้าหน้าที่) และแบบที่เริ่มมี Self-service ที่ประชาชนสามารถทำธุรกรรมออนไลน์ได้เอง เช่น ย้ายทะเบียนบ้าน ซึ่งเชื่อว่าจะมีความตั้งใจเพิ่ม Self-service ให้มากขึ้นในอนาคต
“การทำธุรกรรมออนไลน์ เช่น การย้ายทะเบียนบ้านผ่านแอป ThaiID ช่วยลดภาระและค่าใช้จ่ายของประชาชน เช่น ค่าเดินทาง ค่าเสียเวลาในการลาหยุดทำงาน และยังช่วยลดภาระเจ้าหน้าที่ ทำให้มีเวลาไปให้บริการผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือได้มากขึ้น”
ในมุมของทวีศักดิ์ เทคโนโลยีน่าสนใจที่สามารถนำมายกระดับบริการภาครัฐได้ในอนาคตคือ Verifiable Credentials (VC) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่อนุญาตให้ผู้ใช้ควบคุมข้อมูลส่วนตัวที่ต้องการส่งให้หน่วยงานอื่นตรวจสอบแบบดิจิทัล ตัวอย่างคือเมื่อเข้าสถานบันเทิงกลางคืนซึ่งต้องการตรวจสอบอายุว่าเกิน 18 ปีหรือไม่ ผู้ใช้สามารถส่ง VC ที่ยืนยันแค่อายุได้ โดยไม่ต้องส่งวันเดือนปีเกิด
“แนวคิดนี้กำลังอยู่ในช่วงการกำหนดมาตรฐานในประเทศไทย และคาดว่าจะเกิดขึ้นจริงในอีก 1-2 ปีข้างหน้า”
เมื่อถามถึงความท้าทายในการทำ Digital Transformation ของภาครัฐ ทวีศักดิ์มองว่าอยู่ที่ความพร้อมด้านดิจิทัล เนื่องจากภาครัฐยังมีช่องว่างค่อนข้างมากเมื่อเทียบกับเอกชน บางหน่วยงานยังจัดเก็บข้อมูลในรูปแบบ Excel และฐานข้อมูลพื้นฐานยังไม่แข็งแรง นอกจากนี้ ปัญหาใหญ่คือการที่ข้อมูลถูกเก็บแยกกันอยู่ และไม่เกิดการแลกเปลี่ยนข้อมูล ซึ่งไม่ใช่แค่ปัญหาทางเทคโนโลยี แต่เป็นเรื่องของนโยบายหรือเจตจำนงทางการเมือง
ที่สำคัญคือการขาดเจ้าภาพและการติดระเบียบราชการ ทั้งระเบียบปฏิบัติและกฎหมายของราชการล้วนมีความสำคัญมากในการออกแบบแอปพลิเคชัน เพราะมักมีเงื่อนไขมากมาย ระเบียบต่าง ๆ มักเกิดมาก่อนเทคโนโลยี และการแก้ไขระเบียบจึงทำได้ยากและใช้เวลานานนับ 10 ปี บางหน่วยงานอาจมีความกังวลในการเปิดเผยข้อมูล ขณะเดียวกัน การบูรณาการข้อมูลและการเจรจาข้ามหน่วยงานอาจไม่ถือเป็นภารกิจหลักของกระทรวงหลัก ทำให้ขาดเจ้าภาพในการผลักดันให้เกิดการแลกเปลี่ยนข้อมูล
หากก้าวข้ามความท้าทายเหล่านี้ได้ เราคนไทยย่อมได้เห็นนิมิตหมายใหม่ของบริการภาครัฐ ที่รับสิทธิ์สะดวกสบายมากขึ้น ไม่แพ้กับที่ได้รับจากโครงการคนละครึ่งพลัสวันนี้.