xs
xsm
sm
md
lg

รัฐลุยสกัดผูกขาดแพลตฟอร์มใหญ่ เปิดเสรีเลือกขนส่งอีคอมเมิร์ซ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



กมธ.เศรษฐกิจ เร่งปรับกฎหมายแข่งทางการค้า สกัดพฤติกรรมผูกขาดของแพลตฟอร์มยักษ์ หลังผู้ค้า-ผู้บริโภคถูกบีบใช้ขนส่งรายเดียว 'เอ็ตด้า-กขค.' ผนึกกำลัง ร่างกฎหมายลูก ปลดล็อกสิทธิเลือกขนส่ง หวังเปิดเสรีอีคอมเมิร์ซทันใช้ปีนี้

ในยุคที่เศรษฐกิจดิจิทัล และอีคอมเมิร์ซ กลายเป็นหัวใจของการค้าขายยุคใหม่ แพลตฟอร์มออนไลน์ขนาดใหญ่เข้ามามีบทบาทอย่างมหาศาลต่อพฤติกรรมผู้บริโภคไทย แต่ในขณะที่เทคโนโลยีเปิดโอกาสให้ผู้คนเข้าถึงตลาดโลกได้ง่ายขึ้น กลับปรากฏเงื่อนไขทางธุรกิจ ที่กำลังบีบรัดผู้ค้าและผู้บริโภคให้ตกอยู่ในกับดักของการผูกขาด ที่ซ่อนอยู่ภายใต้ระบบอีโคซิสเต็มแบบปิด

หนึ่งในประเด็นที่ร้อนแรงที่สุดในขณะนี้ คือ สิทธิในการเลือกผู้ให้บริการขนส่งสินค้า ซึ่งถูกจำกัดโดยแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซรายใหญ่ ที่มักบังคับให้ร้านค้าและลูกค้าใช้บริการขนส่งเฉพาะรายที่มีความเชื่อมโยงกับตนเองเท่านั้น ส่งผลให้ผู้ค้าไทย โดยเฉพาะกลุ่มเอสเอ็มอี และผู้ขายรายย่อย ไม่สามารถแข่งขันได้อย่างเป็นธรรม ขณะเดียวกัน ผู้บริโภคก็ต้องแบกรับต้นทุนค่าขนส่งที่สูงขึ้น โดยไม่มีทางเลือก

◉ กมธ.เศรษฐกิจลุยปรับกฎหมาย สกัดผูกขาดแพลตฟอร์ม

นายสิทธิพล วิบูลย์ธนากุล ประธานคณะกรรมาธิการการพัฒนาเศรษฐกิจ สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่า คณะกรรมาธิการได้รับเรื่องร้องเรียนจำนวนมากจากผู้ประกอบการไทยที่ได้รับผลกระทบจากแพลตฟอร์มต่างชาติ โดยเฉพาะการถูกบังคับเลือกขนส่ง ซึ่งกลายเป็นอุปสรรคใหญ่ของการแข่งขันในตลาดออนไลน์

"ร้านค้าไม่สามารถเลือกผู้ขนส่งเองได้ ลูกค้าก็เลือกไม่ได้ ส่งผลให้ต้นทุนสูงขึ้น แต่บริการกลับด้อยลง ขณะที่ผู้ประกอบการขนส่งที่ไม่ได้อยู่ในรายชื่อถูกเลือกกลับสูญเสียรายได้" นายสิทธิพล กล่าว พร้อมยกตัวอย่างว่า ไปรษณีย์ไทยซึ่งเคยมีรายได้กว่า 30,000 ล้านบาทต่อปี เหลือเพียง 20,000 ล้านบาทในปีที่ผ่านมา และขาดทุนกว่า 100 ล้านบาท ทั้งที่ธุรกิจขนส่งเติบโตสวนทางอย่างเห็นได้ชัด

กมธ. จึงได้กำหนดแนวทางแก้ปัญหา 3 ประเด็นหลัก ได้แก่ 1.เปิดเสรีระบบขนส่งออนไลน์ ให้ร้านค้าและลูกค้ามีสิทธิเลือกผู้ขนส่งได้อย่างเสรี โดยให้หน่วยงานกำกับ เช่น สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (สพธอ.) หรือ เอ็ตด้า และสำนักงานคณะกรรมการแข่งขันทางการค้า (กขค.) ร่วมกันกำหนดหลักเกณฑ์ 2.กำกับราคาค่าขนส่งและค่าธรรมเนียม เพื่อไม่ให้แพลตฟอร์มใช้ประโยชน์ทางอำนาจเหนือตลาดกดราคา และ 3.เพิ่มบทลงโทษแพลตฟอร์มที่ฝ่าฝืน ให้มีความรุนแรงเพียงพอ เพื่อไม่ให้รายใหญ่ยอมจ่ายค่าปรับเล็กน้อยแล้วผูกขาดต่อไปได้

"กฎหมายต้องมีเขี้ยวเล็บ ไม่ใช่ให้เสียค่าปรับเล็กน้อยแล้วทำต่อได้เหมือนเดิม" นายสิทธิพล กล่าว

◉ เสียงสะท้อนจากผู้ค้า: ถูกมัดมือชก ไม่มีสิทธิเลือก

นายคุณัชญ์ เฉลยกุล ตัวแทนผู้ค้ารายย่อยบนแพลตฟอร์มออนไลน์ เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาได้ร้องเรียนปัญหาคุณภาพบริการขนส่งไปยังแพลตฟอร์มยักษ์ใหญ่ถึง 18 ครั้ง แต่ทุกครั้งได้รับคำตอบเพียงว่าไม่สามารถเปลี่ยนผู้ขนส่งได้

"ลูกค้าร้องเรียนว่าของมาช้า สินค้าสูญหาย หรือพนักงานบริการไม่สุภาพ เราก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะระบบบังคับให้ใช้ขนส่งรายเดียว ถึงแม้บริการไม่ดี แต่เรายังต้องพึ่งพาแพลตฟอร์มในการขายอยู่" นายคุณัชญ์ กล่าว

เสียงสะท้อนเช่นนี้สะท้อนถึงความเหลื่อมล้ำเชิงโครงสร้าง ที่เกิดขึ้นจริงในโลกดิจิทัล ซึ่งหากไม่มีการแก้ไข อาจกลายเป็นอุปสรรคใหญ่ของการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลไทยอย่างยั่งยืน

◉ เอ็ตด้า-กขค. จับมือร่างกฎหมายลูก กำหนดสิทธิเลือกขนส่ง

ดร.ชัยชนะ มิตรพันธ์ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (สพธอ.) หรือ เอ็ตด้า เปิดเผยว่า กำลังพิจารณาออกกฎหมายใหม่ภายใต้พระราชกฤษฎีกาการประกอบธุรกิจบริการแพลตฟอร์มดิจิทัลที่ต้องแจ้งให้ทราบ พ.ศ. 2565 (กฎหมาย DPS) เพื่อบังคับให้แพลตฟอร์มเปิดให้เลือกผู้ให้บริการขนส่งอย่างน้อย 3-5 ราย

"กฎหมายนี้จะคืนสิทธิให้ทั้งผู้ค้าและผู้ซื้อเลือกได้เอง แต่ต้องพิจารณารอบด้าน เพราะเกี่ยวข้องกับหลายหน่วยงาน ทั้งกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการคลัง และสำนักงานการแข่งขันทางการค้า" ดร.ชัยชนะ กล่าว

ขณะเดียวกัน เอ็ตด้ายังอยู่ระหว่างศึกษากลไกการกำกับค่าธรรมเนียมแพลตฟอร์ม หรือค่าจีพี ซึ่งเป็นอีกจุดหนึ่งที่สร้างความไม่เป็นธรรมในตลาด โดยได้รับมอบหมายจาก นายไชยชนก ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เพื่อหามาตรการควบคุมที่เหมาะสม

หากแพลตฟอร์มขึ้นค่าจีพีจนร้านค้าไม่มีทางเลือก ก็อาจเข้าข่ายใช้อำนาจเหนือตลาดอย่างไม่เป็นธรรม และต้องถูกควบคุมด้วยกฎหมายการแข่งขันทางการค้า

◉ กขค. เดินหน้าร่างประกาศผูกขาดแพลตฟอร์ม ทันใช้ปีนี้

ในอีกด้านหนึ่ง ผศ.ดร.วิษณุ วงศ์สินศิริกุล เลขาธิการคณะกรรมการแข่งขันทางการค้า (กขค.) เปิดเผยความคืบหน้า (ร่าง) ประกาศคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า เรื่อง แนวทางพิจารณาการปฏิบัติทางการค้าที่ไม่เป็นธรรม และการกระทำอันเป็นการผูกขาด หรือลดการแข่งขัน หรือจำกัดการแข่งขันในการประกอบธุรกิจแพลตฟอร์มหลายด้าน (Multi-sided Platform) ประเภทธุรกิจบริการดิจิทัลแพลตฟอร์มซื้อขายสินค้าหรือบริการ (E-Commerce) ว่า ขณะนี้ อยู่ในขั้นตอนสรุปการรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วน

"สำนักงานยังได้รับความเห็นเพิ่มเติมจากสมาคมกฎหมายอเมริกัน (American Bar Association) เพื่อให้แนวทางกำกับดูแลของไทยสอดคล้องกับมาตรฐานสากล เราไม่ได้ทำเพื่อเอื้อรายใดรายหนึ่ง แต่เพื่อให้เกิดการแข่งขันที่เป็นธรรมในระบบนิเวศอีคอมเมิร์ซทั้งหมด ยืนยันว่า ร่างประกาศดังกล่าวจะแล้วเสร็จและมีผลบังคับใช้ภายในปี 2568 แน่นอน" ผศ.ดร.วิษณุ กล่าว

◉ เส้นทาง 'เปิดเสรีขนส่งดิจิทัล' เพื่อความเป็นธรรมของทุกฝ่าย

ทิศทางใหม่ของการกำกับดูแลแพลตฟอร์มออนไลน์จึงไม่ใช่เพียงเรื่องกฎหมาย แต่คือการรีเซ็ตสมดุลของเศรษฐกิจดิจิทัลไทย ให้กลับมามีความเป็นธรรมและแข่งขันได้จริงอีกครั้ง

การเปิดเสรีระบบขนส่งออนไลน์ จะช่วยให้ผู้บริโภคมีอำนาจเลือก ผู้ค้าได้ลดต้นทุน ขณะที่ธุรกิจขนส่งไทยทั้งรายใหญ่และรายย่อยมีโอกาสเข้ามาแข่งขันอย่างเท่าเทียม ไม่ถูกปิดกั้นโดยอำนาจของแพลตฟอร์มยักษ์

แม้เส้นทางนี้ยังต้องใช้เวลา แต่สัญญาณจาก กมธ.เศรษฐกิจ, เอ็ตด้า และ กขค. สะท้อนความร่วมมือที่ชัดเจนมากขึ้นในการผลักดันให้ "เสรีภาพในการเลือก" กลับมาเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของคนไทยในยุคดิจิทัล

และเมื่อกฎหมายใหม่นี้เดินหน้าอย่างเป็นรูปธรรม ไม่เพียงแต่จะเปิดทางให้เศรษฐกิจดิจิทัลไทยเติบโตอย่างยั่งยืน แต่ยังเป็นก้าวสำคัญของการคืนอำนาจให้ผู้บริโภค ให้คนไทยไม่ต้องถูกมัดมือชกภายใต้ระบบผูกขาด


กำลังโหลดความคิดเห็น