'ไชยชนก' แถลงนโยบายดีอี ชูแผน Quick Win เดินหน้ารับมือภัยธรรมชาติ ความมั่นคง เศรษฐกิจ สังคม ภายใน 4 เดือน ดันใช้เทคโนโลยี-ข้อมูลดิจิทัล พร้อมเน้นโปร่งใส ตรวจสอบได้ทุกขั้นตอน
เมื่อวันที่ 6 ต.ค.68 นายไชยชนก ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เปิดเผยในการเป็นประธานการแถลงนโยบายขับเคลื่อนกระทรวงดีอี ภายหลังรัฐบาลชุดใหม่ภายใต้การนำของ นายอนุทิน ชาญวีระกูล นายกรัฐมนตรี ได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภา เมื่อวันที่ 29 ก.ย.68 ว่า กระทรวงดีอี เตรียมเร่งเดินหน้าภารกิจสำคัญรองรับภัยคุกคาม 4 ด้านหลัก ได้แก่ ภัยธรรมชาติ ภัยความมั่นคง ภัยเศรษฐกิจ และภัยทางสังคม ภายใต้กรอบ Quick Win หลักบริหารโปร่งใส ตรวจสอบได้ทุกขั้นตอน โดยจะบูรณาการการทำงานระหว่างหน่วยงานรัฐ เอกชน และประชาสังคมอย่างไร้รอยต่อ
ด้าน ภัยธรรมชาติ นายไชยชนก กล่าวว่า กระทรวงจะบูรณาการข้อมูลอุตุนิยมวิทยาและเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับหน่วยงานต่างประเทศและในประเทศ เพื่อพัฒนาแผนเตือนภัยพิบัติให้แม่นยำขึ้น ส่งเสริมการใช้ข้อมูลดาวเทียม เพื่อเตรียมรับมือและลดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับประชาชน โดยเฉพาะในภาวะวิกฤต เช่น น้ำท่วม ซึ่งรัฐบาลให้ความสำคัญอย่างมาก โดยนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด กระทรวงดีอีจึงตั้งคณะทำงานเร่งด่วนวางระบบแจ้งเตือนล่วงหน้า การบริหารข้อมูล และแผนฟื้นฟูหลังภัยพิบัติ
"แม้กระทรวงดีอีจะเป็นเจ้าภาพด้านเทคโนโลยี แต่การเตือนภัยในระยะสั้นยังต้องพึ่งโครงสร้างเดิม เช่น ระบบประกาศแจ้งเตือนของกระทรวงมหาดไทย เพราะระบบ Cell Broadcast ยังมีข้อจำกัดทั้งด้านอุปกรณ์และการตั้งค่าทำให้ไม่สามารถเข้าถึงประชาชนทุกกลุ่มได้อย่างทั่วถึง" นายไชยชนก กล่าว
ส่วน ภัยความมั่นคง นายไชยชนก กล่าวว่า จะผลักดันการสร้างความรู้เท่าทันด้านไซเบอร์ให้กับประชาชนเป็นวาระเร่งด่วน นำเทคโนโลยีที่มีอยู่ เช่น โดรน หรือระบบตรวจจับต่างๆ มาใช้สนับสนุนฝ่ายความมั่นคง โดยเฉพาะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ทั้งนี้ ได้มีการหารือกับฝ่ายความมั่นคงอย่างใกล้ชิด และมีการประสานกับโอเปอเรเตอร์โทรคมนาคมในพื้นที่ เพื่อเสริมประสิทธิภาพสัญญาณสื่อสาร และป้องกันการแทรกแซงจากต่างประเทศ
"หลายประเด็นยังไม่สามารถเปิดเผยต่อสาธารณะได้เพราะมีความอ่อนไหว แต่รัฐบาลให้การสนับสนุนภารกิจความมั่นคงอย่างเต็มที่ ขณะที่ กระทรวงดีอี จะไม่ทำหน้าที่แยกตัวจากภารกิจด้านความมั่นคง แต่จะเป็นกลไกหลักในการเสริมแกร่งระบบป้องกันประเทศในยุคดิจิทัล" นายไชยชนก กล่าว
ขณะที่ ภัยเศรษฐกิจ นายไชยชนก กล่าวว่า กระทรวงจะทำหน้าที่สนับสนุนผู้ประกอบการดิจิทัลให้สามารถฝ่าวิกฤตโลกได้อย่างมั่นคง โดยเฉพาะการลดต้นทุน การเปิดทางเลือกบริการที่ไม่ผูกขาด และการบรรเทาภาระของผู้ใช้งานแพลตฟอร์มต่างๆ ตั้งเป้าแก้ไขปัญหาการผูกขาดของแพลตฟอร์มรายใหญ่ ผ่านแนวทางที่สร้างสมดุลระหว่างผู้บริโภค ผู้ให้บริการ และผู้ประกอบการ
ตัวอย่างการผูกขาดในภาคโลจิสติกส์ของบางแพลตฟอร์ม ซึ่งอยู่ระหว่างพิจารณาให้ประชาชนสามารถเลือกใช้บริการขนส่งที่หลากหลาย โดยเฉพาะการส่งเสริมให้สามารถใช้บริการไปรษณีย์ไทย ซึ่งค่าบริการถูก โดยไม่ถูกจำกัดให้อยู่ภายใต้เงื่อนไขของแพลตฟอร์มเดียว ทั้งนี้ แม้จะยังไม่ถึงขั้นเสนอร่างกฎหมายใหม่ แต่จะใช้แนวทางเจรจาเชิงสร้างสรรค์กับผู้ให้บริการเพื่อบรรเทาผลกระทบในระยะสั้น
นอกจากนี้ ยังอยู่ระหว่างการปรับปรุงและผลักดัน (ร่าง) พระราชบัญญัติการประกอบกิจการไปรษณีย์ พ.ศ. … เพื่อให้ทันต่อสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจยุคแพลตฟอร์ม รวมถึงการจัดการต้นทุนและระบบกำกับดูแลที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
ส่วน ภัยทางสังคม นายไชยชนก กล่าวว่า กระทรวงดีอี มุ่งเน้นการส่งเสริมการเข้าถึงเทคโนโลยีขั้นพื้นฐาน เช่น อินเทอร์เน็ต ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และข้อมูลดิจิทัล โดยจะส่งเสริมความรู้ด้าน AI อย่างถูกต้องและปลอดภัย (AI Literacy) เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ เพิ่มคุณภาพชีวิต และสร้างสังคมดิจิทัลที่ประชาชนมีส่วนร่วมอย่างเท่าเทียม
สำหรับปัญหาอาชญากรรมออนไลน์และแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เป็นภารกิจเร่งด่วนสูงสุดของกระทรวง โดยจะใช้กลไกทางกฎหมายควบคู่กับการดำเนินงานเชิงรุกกับหน่วยงานความมั่นคงและเอกชน ขอความร่วมมือโอเปอเรเตอร์โทรคมนาคมสกัดสัญญาณผิดกฎหมายบริเวณชายแดน ทั้งนี้ แม้มาตรการหลายอย่างจะริเริ่มมาตั้งแต่รัฐบาลชุดก่อน แต่จะเดินหน้าอย่างจริงจังต่อเนื่อง เพื่อให้เห็นผลเป็นรูปธรรม
"ประเทศไทยกำลังเผชิญกับภัยสำคัญทั้ง 4 ด้าน และรัฐบาลมีระยะเวลาในการทำงานเพียง 4 เดือน ดังนั้น ทุกหน่วยงานต้องเห็นปัญหาไปในทางเดียวกัน และร่วมกันขับเคลื่อนอย่างเป็นระบบ โดยกระทรวงดีอีแม้จะมีบทบาทหลักด้านเทคโนโลยีในภาวะปกติ แต่ในภาวะวิกฤตนี้จำเป็นต้องขยายภารกิจเร่งด่วน เพื่อช่วยลดผลกระทบต่อประชาชนและประเทศ ทุกนโยบายจะต้องโปร่งใส และตรวจสอบได้ในทุกขั้นตอน" นายไชยชนก กล่าว
กรณีการจ่ายสินบนสแกมเมอร์ 40 ล้านบาท นายไชยชนก กล่าวว่า ขณะนี้ ได้สั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงแล้ว โดยให้ นายพชร อนันตศิลป์ ปลัดกระทรวงดีอี เป็นประธาน และเชิญหน่วยงานภายนอกเข้าร่วมเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ แม้จะไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ในตอนนี้ แต่ขอให้มั่นใจว่า จะดำเนินการเรื่องนี้อย่างโปร่งใสและให้ความสำคัญสูงสุด โดยคาดว่าจะมีความคืบหน้าออกมาแถลงต่อสาธารณะภายใน 1 เดือน หรือเดือน ต.ค.68
อย่างไรก็ตาม เมื่อถูกถามถึงข้อกังวลเรื่องความเหมาะสมของการให้ปลัดกระทรวงดีอี ซึ่งเป็นผู้ใต้บังคับบัญชา เป็นประธานกรรมการสอบสวน นายไชยชนก ชี้แจงว่า ตามขั้นตอนทางราชการนั้นสามารถดำเนินการได้ตามปกติ และการมีหน่วยงานภายนอกเข้าร่วมจะช่วยสร้างความเป็นกลางและความโปร่งใสยิ่งขึ้น ขอให้สังคมรอผลการสอบสวนอย่างเป็นทางการก่อนตัดสิน
ส่วน บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จํากัด (มหาชน) หรือ NT จะสามารถอยู่รอดได้หรือไม่ในยุคที่โครงสร้างรายได้เปลี่ยนแปลง นายไชยชนก กล่าวว่า จากข้อมูลที่ได้รับ NT ได้ออกจากแผนฟื้นฟูแล้ว และมีหลายโครงการในมือที่รอการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งหากดำเนินไปตามแผนธุรกิจเดิมก็จะสามารถกลับมามีกำไรได้ในปีที่ 3 หลังจากผ่านช่วงขาดทุน 2 ปีแรก ยืนยันว่า จะให้การสนับสนุนในระดับนโยบายเพื่อให้ NT สามารถอยู่รอดและเป็นกำลังสำคัญของประเทศต่อไป
"ความท้าทายของการเป็นรัฐมนตรีใหม่ และการทำงานร่วมกับปลัดกระทรวงดีอี ที่เพิ่งเข้ารับตำแหน่งพร้อมกัน เป็นโจทย์สำคัญที่ต้องฝ่าฟัน แต่ด้วยความตั้งใจและความร่วมมือจากทุกฝ่าย เชื่อว่าจะสามารถสร้างผลงานได้ภายใน 4 เดือนแรก โดยเฉพาะในเรื่องที่เป็นผลกระทบต่อประชาชนโดยตรง เช่น การแจ้งเตือนภัย การควบคุมอาชญากรรมออนไลน์ และการลดภาระค่าใช้จ่ายดิจิทัล ซึ่งจะทำทุกอย่างเพื่อประโยชน์ของประชาชนอย่างเต็มที่" นายไชยชนก กล่าว