ทีซีแอล (TCL) เผย 3 แผนต่อยอดเทคโนโลยี QD-Mini LED วางอนาคตใช้ AI สร้างความต่างจากคู่แข่ง ล่าสุดเปิดตัวสมาร์ททีวี “C Series QD-Mini LED TV” บุกตลาดไฮเอนด์ หวังชิงส่วนแบ่งตลาดทีวีพรีเมียมไทยกว่า 20% ภายในปี 2571 บนยอดขายเกิน 300,000 เครื่องในปี 2568
นายเฉลิมชัย รัตนเอม ผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจ บริษัท ทีซีแอล อิเล็กทรอนิกส์ (ไทยแลนด์) จำกัด เปิดเผยว่า TCL มีแผนพัฒนาต่อยอดเทคโนโลยี Mini LED ใน 3 ด้านหลัก โดยด้านแรกคือการใช้หน่วยประมวลผลปัญญาประดิษฐ์ AiPQ Pro Processor เพื่อปรับความสว่าง สี และคอนทราสต์ของทีวีตามคอนเทนต์และสภาพแวดล้อม และการผลักดันการเข้าถึงจอใหญ่ ด้านที่ 2 คือการเสริมประสบการณ์จอใหญ่สมจริง เนื่องจาก Mini LED แสดงศักยภาพสูงสุดบนทีวีขนาดใหญ่ TCL จึงจะผลักดันการเข้าถึงจอใหญ่เพื่อสร้างความสมจริง และด้านที่ 3 เสียงระดับพรีเมียม โดยบริษัทจะร่วมมือกับพันธมิตรด้านเสียงระดับโลก เช่น Bang & Olufsen เพื่ออัปเกรดทั้งภาพและเสียง มอบประสบการณ์เสมือนโรงภาพยนตร์
"เป้าหมายของ TCL ไม่ใช่เพียงการเพิ่มสเปก แต่คือการทำให้ Mini LED เข้าถึงผู้บริโภคในทีวีจอใหญ่และกลุ่มพรีเมียม พร้อมสร้างความแตกต่างด้วยคุณภาพทั้งภาพและเสียง"
TCL มีดีกรีเป็นแบรนด์ทีวีอันดับ 2 ของโลก และเป็นอันดับ 1 ของโลกใน 3 หมวดหมู่ ได้แก่ ทีวีจอใหญ่พิเศษ 85 นิ้วขึ้นไป, ทีวี Mini LED และ Google TV ที่ครองอันดับต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2021-2024
ขณะที่ Mini LED คือเทคโนโลยีการแสดงผลขั้นสูงที่ TCL นำมาใช้ในสมาร์ททีวีพรีเมียม โดยเมื่อผสานรวมกับเทคโนโลยี Quantum Dot จะเรียกว่า QD-Mini LED ซึ่งยกระดับประสบการณ์การรับชมภาพและเสียงให้เหนือระดับเพราะการควบคุมแสงที่แม่นยำจากหลอดไฟ LED ขนาดเล็กจำนวนมาก ทำให้สามารถควบคุมแสงในพื้นที่ได้อย่างละเอียดสูงสุดถึงหลายพันโซน (เช่น รุ่น C7K ควบคุมได้สูงสุดถึง 1,568 โซน) ซึ่งช่วยให้แสดงผลสีดำได้ลึกและมีคอนทราสต์ที่สูงขึ้น รวมถึงความสว่าง ภาพคมชัดและสมจริง เหมาะสำหรับจอใหญ่
***ขอ 3 แสนเครื่อง ปิดปี 2025
TCL เชื่อว่า Mini LED จะเป็นกำลังสำคัญให้บริษัทเดินตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ว่าจะทำยอดขายกว่า 3 แสนเครื่องในปี 2568 และตั้งเป้า ชิงมาร์เก็ตแชร์กลุ่มทีวีจอขนาดใหญ่และตลาดระดับ Mid to Hi-end มากกว่า 20% ภายในปี 2571-2575
เพื่อเป้าหมายนี้ TCL ได้เปิดตัวไลน์อัพสมาร์ททีวีพรีเมียม "C Series QD-Mini LED TV" ปี 2568 ที่มาพร้อมกันถึง 3 รุ่นหลัก ได้แก่ C6K, C7K และ C8K ด้วยเทคโนโลยี QD-Mini LED สุดล้ำ มอบประสบการณ์ภาพและเสียงระดับไฮเอนด์ พร้อมดีไซน์หรูหรา
1 ใน 3 กลยุทธ์การทำตลาดในไทยที่ TCL จะปรับให้สอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภค คือการเน้นประสบการณ์สตรีมมิ่ง เนื่องจากปัจจุบันครอบครัวไทยหันมารับชมคอนเทนต์ผ่านแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งอย่าง Netflix, YouTube, Disney+ มากขึ้น สมาร์ททีวี C Series QD-Mini LED ของ TCL จึงรองรับ Google TV และมี AI ช่วยปรับภาพอัตโนมัติ เพื่อมอบความคมชัดและความสมจริงยิ่งขึ้น
กลยุทธ์ที่ 2 คือการผลักดันจอใหญ่ ความต้องการทีวีขนาด 75 นิ้วขึ้นไปกำลังเติบโตสูงมาก TCL จึงใช้เทคโนโลยี Mini LED เพื่อทำให้ทีวีจอใหญ่มีคุณภาพระดับพรีเมียมและเข้าถึงได้ง่ายขึ้น พร้อมเสริมการตลาดทั้งออนไลน์และหน้าร้าน
และกลยุทธ์ที่ 3 คือการสื่อสารแบบโลคัล โดย TCL ได้ร่วมมือกับสื่อเทคโนโลยีชื่อดัง อินฟลูเอนเซอร์ไลฟ์สไตล์ และ IP ด้านกีฬา/บันเทิง เพื่อเชื่อมโยงกับพฤติกรรมการดูคอนเทนต์จริงของผู้บริโภคชาวไทย เชื่อว่ากลยุทธ์นี้จะทำให้ TCL สามารถมอบประสบการณ์ "จอใหญ่ + สตรีมมิ่ง" ที่เข้าถึงง่ายและเหนือระดับสำหรับผู้บริโภคไทยได้อย่างแท้จริง
เมื่อถามถึงการแข่งขันในตลาด Mid to Hi-end ซึ่งมีหลายแบรนด์ระดับโลกครองตลาดอยู่แล้ว TCL ย้ำว่าบริษัทไม่ได้อิงเพียงแค่ต้นทุนการผลิตที่ต่ำเท่านั้น แต่ยังมุ่งใช้ซัพพลายเชนแบบครบวงจรและงานวิจัยพัฒนาของ TCL เอง มาสร้างคุณค่าให้ผู้บริโภคมากกว่า โดยมีปัจจัยสำคัญคือความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยี ซึ่ง TCL นำหน้าเพื่อนร่วมวงการในด้าน Mini LED local dimming, AI ปรับภาพอัจฉริยะ และการแสดงผลบนจอใหญ่ เพื่อส่งมอบประสบการณ์ระดับพรีเมียมอย่างต่อเนื่อง
"ด้วยระบบการผลิตและ R&D แบบครบวงจร ทำให้ TCL สามารถคงคุณภาพระดับสูง ในขณะที่ตั้งราคาที่แข่งขันได้ ภายใต้แนวคิด "พรีเมียมแต่คุ้มค่า" ทำให้ครัวเรือนจำนวนมากเข้าถึงทีวีพรีเมียมได้ง่ายขึ้น เป้าหมายใน 3 ปีของ TCL จึงอยู่ที่ผลักดันการใช้ Mini LED + จอใหญ่ ผสานกับ เสียงระดับพรีเมียม และ การตลาดแบบโลคัล เพื่อให้ได้ส่วนแบ่งตลาด 20% ในกลุ่ม Mid-to-Hi-end ของไทย
ในภาพรวม เฉลิมชัยมองว่าตลาดทีวีไทยจะเผชิญความท้าทายหลัก 3 ด้าน ได้แก่ 1. การพัฒนาเทคโนโลยีที่รวดเร็ว ซึ่งจะทำให้ผู้บริโภคคาดหวังคุณภาพภาพ เสียง และความฉลาดที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จาก Mini LED ไปสู่ AI-powered display แบรนด์จึงต้องพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง
2. พฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป ทั้งการสตรีมมิ่ง, เกม และโฮมเธียเตอร์เติบโตเร็วขึ้นมาก ความต้องการจอใหญ่และการประหยัดพลังงานก็ชัดเจนยิ่งขึ้น และ 3. การแข่งขันที่ลึกซึ้งขึ้น ทำให้การแข่งขันไม่ได้อยู่ที่สเปกเพียงอย่างเดียวอีกต่อไป แต่อยู่ที่ความสามารถสร้างภาพลักษณ์ผู้นำด้านจอใหญ่และประสบการณ์รับชมที่สมจริงในใจผู้บริโภค.