เปิดใจ "แคนนอน ปราจีนบุรี" ย้ำการผลิตของ Canon ในไทยยังแข็งแกร่งและสำคัญต่อธุรกิจระดับโลกของ Canon แม้จะต้องเผชิญกับประเด็นภาษีและต้นทุนที่เพิ่มขึ้น แต่แคนนอนปราจีนบุรีก็ปรับตัวโดยเน้นประสิทธิภาพการผลิต คุณภาพ การจัดหาชิ้นส่วนในประเทศ และความยั่งยืน เพื่อให้มั่นใจในความต่อเนื่องและความมั่นคงของห่วงโซ่อุปทาน ปัดไม่ได้มองสถานการณ์ภาษีเป็นโอกาส ยอมรับท้าทายและต้องบริหารจัดการอย่างมีกลยุทธ์
นายมาโกโตะ นากามูระ ประธานบริษัท แคนนอน ปราจีนบุรี (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวถึงสถานการณ์การผลิตของ Canon ในประเทศไทย ว่า Canon ปราจีนบุรีได้เริ่มผลิตเครื่องถ่ายเอกสารมาตั้งแต่ปี 2013 และมีการขยายกำลังการผลิตอย่างมาก โดยปัจจุบัน Canon ปราจีนบุรีเป็นฐานการผลิตที่สำคัญของสินค้ากลุ่มเครื่องพิมพ์มัลติฟังก์ชัน (MFP) สำหรับสำนักงานเกือบทั้งหมดในโลก
ปัจจุบัน Canon มีโรงงานผลิตเครื่องพิมพ์หลัก 3 แห่งทั่วโลก คือประเทศญี่ปุ่น จีน และไทย (ปราจีนบุรี) โดยสินค้าที่ผลิตที่ไทยมีคุณภาพระดับโลก และเป็นผลิตภัณฑ์ "Made in Thailand"
สำหรับประเด็นภาษีสหรัฐฯ และการบริหารของรัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้บริหาร Canon ไม่กังวลเนื่องจากในช่วงรัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์ สมัยแรก สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน ได้ส่งผลกระทบให้ Canon ย้ายการผลิตเครื่องถ่ายเอกสารบางส่วนจากจีนมายังปราจีนบุรี ประเทศไทย แสดงให้เห็นถึงการปรับตัวของ Canon ที่พร้อมรับมือกับสถานการณ์ภาษีและการค้าโลกในนาทีนี้
***ไทยแลนด์แดนผลิตหลัก
แม้อัตราภาษีของไทยสำหรับการส่งออกไปยังสหรัฐฯ จะอยู่ที่ 19% ในขณะที่ญี่ปุ่นอยู่ที่ 15% ซึ่งหมายถึงไทยมีอัตราภาษีสูงกว่าญี่ปุ่นสำหรับการส่งออกไปยังสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม Canon ยังคงเลือกไทยเป็นฐานการผลิตหลัก เนื่องจากต้นทุนโดยรวม และคุณภาพการผลิตซึ่งยังคงคุ้มค่าและมีประสิทธิภาพ
"ประเทศไทยมีความพร้อมด้านกำลังแรงงานจำนวนมาก และพื้นที่โรงงานขนาดใหญ่ที่จำเป็นสำหรับการผลิตในปริมาณมาก ซึ่งเป็นปัจจัยที่หาได้ยากในญี่ปุ่นสำหรับสเกลการผลิตขนาดนี้ แม้ต้นทุนการผลิตโดยรวมจะสูงขึ้นจากราคาวัตถุดิบ ทั้งพลาสติก เหล็ก ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงค่าขนส่ง และค่าแรงงาน แต่ Canon พยายามควบคุมต้นทุน ด้วยการประกอบอย่างมีประสิทธิภาพและการจัดการขนส่งให้ประหยัดที่สุด โดยยังไม่มีการปรับขึ้นราคาสำหรับรุ่นเดิมที่จำหน่ายอยู่ในตลาด"
ในภาพรวม Canon ย้ำว่ากำลังพยายามจัดซื้อชิ้นส่วนต่างๆ ในประเทศไทยให้ได้มากที่สุด เพื่อสร้างความมั่นคงในการผลิต ลดความเสี่ยงจากความผันผวนของห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก รวมถึงลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงนโยบายทางการค้าและภาษี
ขณะเดียวกัน การผลิตของ Canon ในวันนี้ยังให้ความสำคัญกับความยั่งยืนสูงมาก มีการใช้พลาสติกรีไซเคิล 30% ในการผลิตเครื่อง Image Force ซึ่งเป็นสัดส่วนที่สูงที่สุดเท่าที่เคยมีมา และมีเป้าหมายที่จะเพิ่มสัดส่วนนี้ในอีก 2 ปีข้างหน้า รวมถึงการลดขยะจากบรรจุภัณฑ์และการใช้ชิ้นส่วนที่ออกแบบมาเพื่อยืดอายุการใช้งาน ซึ่งเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การลดต้นทุนระยะยาวและความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม ขณะเดียวกัน การเพิ่มเทคโนโลยี AI ในเครื่องพิมพ์ใหม่นั้นไม่ได้เพิ่มการใช้พลังงานหรือปล่อยคาร์บอนฟุตพรินต์มากขึ้น เนื่องจากชิปประมวลผลใหม่ใช้พลังงานน้อยลง
อีกความมุ่งมั่นด้านความยั่งยืนของ Canon คือการพัฒนาโครงสร้างภายในของเครื่อง แทนที่จะใช้สกรูมากกว่า 100 ตัวในการยึดโครงเครื่องเหมือนในอดีต Canon ได้เปลี่ยนมาใช้เทคโนโลยีการเชื่อมด้วยแสงเลเซอร์ การเปลี่ยนแปลงนี้ไม่เพียงแต่เพิ่มความแข็งแรงและความทนทานให้กับตัวเครื่อง แต่ยังช่วยลดน้ำหนักของเครื่องลงได้ถึง 35% ซึ่งเครื่องที่เบาลงหมายถึงการขนส่งที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
และไม่ใช่แค่เรื่องโครงสร้าง คุณภาพงานพิมพ์ก็มีการปฏิวัติไปอีกขั้น โดย Canon นำเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดอย่าง D2 Exposure (D Square Exposure) มาใช้เป็นครั้งแรกในเครื่องพิมพ์ที่ผลิตที่ปราจีนบุรี ระบบการฉายแสงใหม่นี้สามารถให้ความละเอียดของภาพพิมพ์ได้สูง 4,800dpi ทำให้ได้ภาพสีที่สดใสและข้อความที่คมชัด แม้ตัวอักษรจะมีขนาดเล็กมากก็ตาม
***เครื่องพิมพ์ใหม่ จัดเต็ม AI
นายฮิโรชิ โยโกตะ ประธานบริษัทและประธานกรรมการบริหาร บริษัท แคนนอน มาร์เก็ตติ้ง (ไทยแลนด์) จำกัด กล่าวว่า Canon มุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีการพิมพ์อย่างแท้จริง ซึ่งไม่เพียงแค่ฟีเจอร์ใช้งานที่ทันสมัยเท่านั้น แต่ยังรวมถึงโซลูชันการพิมพ์ที่ครบวงจรเพื่อตอบโจทย์ธุรกิจในยุค AI ได้อย่างครับครัน
"ในสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วนี้ ความน่าเชื่อถือ ความมั่นคงปลอดภัย และการเชื่อมต่อออนไลน์ ได้กลายเป็นองค์ประกอบสำคัญในธุรกิจทุกประเภท เราจึงได้พัฒนา imageFORCE Series เพื่อช่วยสนับสนุนงานพิมพ์ได้อย่างชาญฉลาด พร้อมกับผสานแนวคิดความยั่งยืนเข้ากับการออกแบบผลิตภัณฑ์ของเรา ทั้งในด้านวัสดุ การประหยัดพลังงาน และการใช้ทรัพยากรที่คุ้มค่าในระยะยาว เราจึงมั่นใจว่า imageFORCE Series จะเป็นอีกหนึ่งแรงขับเคลื่อนสำคัญที่ช่วยยกระดับศักยภาพให้กับผู้ประกอบการไทยได้อย่างแท้จริง และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้รับการสนับสนุนจากทุกท่านในการเดินหน้าแคมเปญครั้งนี้ร่วมกัน”
ด้วยฐานะอันดับ 1 ในตลาดเครื่องพิมพ์มัลติฟังก์ชันในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 7 ปีซ้อน และเป็นอันดับ 1 ในกลุ่มเครื่องขาวดำในตลาดประเทศไทยถึง 7 ไตรมาสติดต่อกัน Canon หวังปรับบทบาทสู่ผู้ให้บริการโซลูชัน คู่ไปกับการพัฒนาซีรีส์ ImageRUNNER ADVANCE DX โดยวางแผนรับมือ 5 เทรนด์การทำงานยุคใหม่ที่กำลังเปลี่ยนแปลงอนาคตของการทำงานและการพิมพ์ นั่นคือความยั่งยืน ความปลอดภัยของข้อมูล ความจำเป็นของการพิมพ์ การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี รวมถึงการทำงานแบบไฮบริด ซึ่งบริการโซลูชันของ Canon จะเน้นฟีเจอร์เหล่านี้อย่างครบวงจร
เครื่องพิมพ์ ImageRUNNER ADVANCE DX ซีรีส์ใหม่ จึงเน้นความปลอดภัย ความน่าเชื่อถือ ความยั่งยืน และการเชื่อมต่อ โดย 4 รุ่นเรือธงคือ ImageRUNNER ADVANCE DX C715 เครื่องพิมพ์สีสำหรับงานผลิตขนาดเล็ก เหมาะสำหรับงานกราฟิกและงานที่ต้องการคุณภาพสีสูง ใกล้เคียงระดับงานโปรดักชัน, ImageRUNNER ADVANCE DX C5100 Series เครื่องพิมพ์สีความเร็วสูงสำหรับใช้งานในสำนักงานที่มีความเร็วตั้งแต่ 40 ถึง 70 แผ่นต่อนาที, ImageRUNNER ADVANCE DX 6100 Series เครื่องพิมพ์ขาวดำความเร็วสูงสำหรับสำนักงาน ด้วยความเร็ว 55, 60, และ 70 ppm เหมาะสำหรับงานพิมพ์ขาวดำปริมาณมากในองค์กร และ ImageRUNNER ADVANCE DX C3150 รุ่นใหม่ในกลุ่มเครื่องพิมพ์ขนาดกลาง (mid-range series) ที่จะเปิดตัวในไตรมาส 4 ปีนี้ ซึ่งโดยปกติแล้วเครื่องพิมพ์กลุ่มนี้จะมีความเร็วสูงสุดประมาณ 35 ppm แต่รุ่น C3150 นี้สามารถทำความเร็วได้ถึง 50 ppm ทำให้องค์กรสามารถลดการลงทุนในรุ่นใหญ่ที่ไม่จำเป็น ในขณะที่ยังคงได้รับความเร็วที่สูงขึ้นในราคาที่คุ้มค่า
ทั้ง 29 รุ่น ในซีรีส์ ImageRUNNER ADVANCE DX รวมถึงรุ่น ImageRUNNER และ ImageRUNNER ADVANCE DX ที่วางจำหน่ายในปัจจุบัน ล้วนแล้วแต่ ผลิตที่โรงงานแคนนอนปราจีนบุรี ในประเทศไทย ซึ่งเป็นศูนย์กลางการผลิตเครื่องพิมพ์มัลติฟังก์ชันสำหรับสำนักงานของ Canon กว่า 90% ทั่วโลก
***มนต์ขลัง Made in Thailand
นายพงศพร กรอบสนิท ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ส่วนงานบิสซิเนส อิมเมจจิ้ง โซลูชั่น บริษัท แคนนอน มาร์เก็ตติ้ง (ไทยแลนด์) จำกัด กล่าวถึงตลาดเครื่องพิมพ์ภายในประเทศและการสนับสนุนจากภาครัฐ ว่าในประเทศไทย "ราคา" ยังคงเป็นปัจจัยหลักในการตัดสินใจซื้อสำหรับผู้บริโภคทั่วไป มากกว่าเรื่องความตระหนักด้านสิ่งแวดล้อมหรือสินค้าที่ทำจากวัสดุรีไซเคิล และแม้จะมีนโยบายภาครัฐที่ส่งเสริมการจัดซื้อสินค้า "Made in Thailand" แต่ในทางปฏิบัติ การแข่งขันด้านราคาก็ยังคงเป็นอันดับแรก ซึ่งยังป็นความท้าทายในการผลักดันให้เกิดการสนับสนุนสินค้าที่ผลิตในไทยอย่างแท้จริงจากภาครัฐ
“แนวโน้มการทำงานยุคใหม่ชี้ชัดว่า องค์กรให้ความสำคัญกับความร่วมมือในสำนักงาน ความปลอดภัยของข้อมูล ความยั่งยืน และการนำ AI มาใช้มากขึ้น แคนนอนจึงต้องปรับตัวเพื่อส่งมอบโซลูชันที่ตอบโจทย์ทุกมิติของการเปลี่ยนแปลงนี้ จากผลสำรวจตามรายงาน Quocirca: Print Industry Trends 2025 รายงานว่า กว่า 69% ของลูกค้าคาดหวังให้ซัพพลายเออร์หรือพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจมีส่วนร่วมลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม แต่ในขณะเดียวกันองค์กรต่าง ๆ ทั่วโลกมีแผน ลงทุนเพิ่มในเทคโนโลยี AI และ Machine Learning แสดงให้เห็นว่าองค์กรในวันนี้ต้องการเทคโนโลยีที่ทั้งชาญฉลาดและยั่งยืน และแคนนอนเชื่อว่าโซลูชันด้านการพิมพ์ในอนาคต ต้องไม่เพียงตอบสนองความต้องการด้านประสิทธิภาพเท่านั้น แต่ต้องผสานความปลอดภัย ระบบคลาวด์ และความยืดหยุ่นของ Hybrid Work ได้อย่างลงตัว”
Canon ไม่ใช่ผู้ผลิตในวงการไอทีรายเดียวที่ชู Made in Thailand เป็นจุดแข็ง โดยที่ผ่านมาเอชพี (HP) เริ่มใช้ตราสัญลักษณ์ “Made in Thailand” ตั้งแต่ปี 2023 โดยย้ายฐานการผลิตพีซีและเครื่องพิมพ์จากจีนมาประเทศไทย เพื่อลดความเสี่ยงจากปัญหาภูมิรัฐศาสตร์และต้นทุนที่สูงขึ้น โรงงานเอชพีที่อำเภอบ้านบึง ชลบุรี มีตัวเลขการลงทุนสูงกว่า 842 ล้านบาท ใช้แรงงานไทย 100% และร่วมมือกับซัพพลายเออร์เพื่อผลิตสินค้าส่งออกทั่วโลกและตอบสนองตลาดในประเทศ
ต้องยอมรับว่าตราสัญลักษณ์ “Made in Thailand” ช่วยให้แบรนด์ไอทีได้เปรียบในการประมูลงานภาครัฐ สร้างงาน กระตุ้นเศรษฐกิจ และยกระดับทักษะแรงงานไทยผ่านการถ่ายทอดเทคโนโลยี ขณะเดียวกันก็มีการชูแผนพัฒนาระบบรีไซเคิลขยะอิเล็กทรอนิกส์เพื่อความยั่งยืน ซึ่งในภาพรวม การลงทุนเหล่านี้อาจช่วยให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตเทคโนโลยีในภูมิภาค และสามารถแข่งขันกับต่างประเทศได้ในระยะยาว.