xs
xsm
sm
md
lg

วิชั่น Alexandr Wang ซูเปอร์อัจฉริยะแห่ง Scale AI ที่ Mark Zuckerberg ต้องการตัวด่วน!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



อเล็กซานเดอร์ หว่อง (Alexandr Wang) ไม่ได้แค่เป็นมหาเศรษฐีอัจฉริยะคนหนึ่งที่กำลังวางแผนจะมีลูกก็ต่อเมื่อเทคโนโลยีที่เชื่อมสมองเข้ากับคอมพิวเตอร์โดยตรงเริ่มใช้งานได้จริง แต่ยังเป็นคนที่เตรียมจะออกจากบริษัทที่ตัวเองสร้างขึ้นตั้งแต่อายุ 19 ปี เพื่อเข้าร่วมกับเมต้า (Meta) ในตำแหน่งหัวหน้าแล็บวิจัย "ซูเปอร์อินเทลิเจนซ์" (Superintelligence) ใหม่ล่าสุด ผ่านดีล 14,300 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 5 แสนล้านบาทที่ Meta ยอมลงทุนในบริษัท "สเกลเอไอ" (Scale AI) แตได้แค่ถือหุ้น 49% แบบไม่มีสิทธิ์ออกเสียงใด ๆ

หนึ่งในเหตุผลที่อธิบายได้ว่าทำไม Mark Zuckerberg ถึงต้องการตัว Alexander Wang นัก คือบริษัท Scale AI ที่เริ่มต้นจากหนุ่มน้อยผู้พักการเรียนจากสถาบันเอ็มไอที (MIT) ตอนอายุ 19 ปี วันนี้กลายเป็นบริษัทมูลค่าเกือบ 25,000 ล้านดอลลาร์ เพราะในขณะที่โมเดลปัญญาประดิษฐ์ (AI) ตัวล่าสุดของ Meta อย่างลาม่า (Llama) ได้รับการตอบสนองที่ไม่ค่อยดีจากนักพัฒนา Wang กลับมีประสบการณ์ในการสร้างข้อมูลฝึกฝน AI คุณภาพสูงให้กับยักษ์ใหญ่อย่างโอเพ่นเอไอ (OpenAI), กูเกิล (Google), ไมโครซอฟท์ (Microsoft) และตัว Meta เอง

อย่างที่รู้กันว่า Scale AI ไม่ใช่แค่บริษัทธรรมดา แต่คือผู้จัดหาข้อมูลฝึก AI ที่มีคุณภาพสูงสุดให้กับบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำทั่วโลก รายได้ปีนี้คาดว่าจะพุ่งทะลุ 2,000 ล้านดอลลาร์ เทียบกับปีที่แล้วที่ทำเงินได้ 870 ล้านดอลลาร์ ซึ่งหาก Alexander Wang โบกมือลา Scale AI ไปทำโปรเจ็กต์ Superintelligence จริง ก็ถือว่าเรื่องสนุกกำลังรออยู่เพราะนี่คือโครงการที่จะพัฒนา AI ที่ฉลาดเกินมนุษย์ ไม่ใช่แค่ AI ที่ตอบคำถามหรือวาดรูปสวยๆ ได้ แต่เป็น AI ที่คิดและแก้ปัญหาได้เหนือกว่าสมองมนุษย์ในทุกด้าน

***โบกมือลาบ้าน ทยานรับโอกาสใหม่

สื่อต่างประเทศวิเคราะห์ว่าการที่ Alexander Wang ตัดสินใจละทิ้งบริษัทที่ตัวเองสร้างขึ้น แสดงให้เห็นว่าโอกาสที่ Meta เสนอให้นั้นยิ่งใหญ่เพียงใด โดย Wang เขียนในจดหมายถึงพนักงานว่าโอกาสระดับนี้มักจะมาพร้อมกับค่าใช้จ่าย และในครั้งนี้ ค่าใช้จ่ายนั้นคือการจากลาของ Wang เอง ซึ่งจะมีการแต่งตั้งมือดีขึ้นมานั่ง CEO แทน Wang ต่อไป

Alexand Wang ซีอีโอของ Scale AI เดินทางมาถึงการประชุมกับนักลงทุนจากต่างประเทศ ที่พระราชวัง Elysee ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการประชุมเชิงปฏิบัติการด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในปารีส ประเทศฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2025
นี่อาจเป็นจุดเปลี่ยนของสงคราม AI เพราะเมื่อ Meta ได้ตัว Wang และทีมงานจาก Scale AI มาเสริมทัพ พร้อมกับการลงทุนมหาศาล Meta อาจจะสามารถแข่งขันกับ OpenAI และ Google ได้อย่างจริงจัง โดยที่การพัฒนา "Superintelligence" ก็อาจจะนำมาซึ่งอนาคตแบบใหม่ที่เราทุกคนต้องติดตามกันต่อ

สำหรับ Wang นั้นไม่ใช่แค่นักธุรกิจธรรมดา แต่ผู้ก่อตั้งและ CEO ของ Scale AI คนนี้ถูกขนานนามว่าเป็นเหมือนกระดูกสันหลังของวงการปัญญาประดิษฐ์ยุคใหม่ Wang คืออัจฉริยะด้านการเขียนโค้ดตั้งแต่อายุ 15, คือคนที่ดร็อปเรียนจาก MIT ตอนอายุ 19 เพื่อสร้างบริษัทที่วันนี้กลายเป็นขุมกำลังสำคัญด้านความมั่นคงของสหรัฐอเมริกา และทำให้ Wang กลายเป็นมหาเศรษฐีที่ก่อร่างสร้างตัวด้วยตัวเองที่อายุน้อยที่สุดในโลกด้วยวัยเพียง 24 ปี



เรื่องราวของหนุ่ม Wang เริ่มต้นขึ้นที่เมืองลอสอลามอส นิวเม็กซิโก ซึ่งเป็นเหมือนเมืองลับแลที่เป็นต้นกำเนิดของระเบิดปรมาณูในโครงการแมนฮัตตัน Wang เติบโตมาในครอบครัวนักฟิสิกส์ บนโต๊ะอาหารเย็นของบ้าน Wang ไม่ได้คุยกันเรื่องทั่วไป แต่มักถกกันเรื่องหลุมดำ, เวิร์มโฮล, และสิ่งมีชีวิตจากต่างดาว เรียกว่าเหมาะกับการบ่มเพาะอัจฉริยะโดยแท้จริง

แต่เส้นทางของอัจฉริยะไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบเสมอไป ตอนที่ Wang ตัดสินใจสร้าง Scale AI ใหม่ๆ Wang เล่าว่ามันคือช่วงเวลาที่เขาเรียกว่า "The Squiggle" หรือ "เส้นขยุกขยิก" ที่เต็มไปด้วยความสับสนและความกดดัน Wang บอกว่าเมื่อมองไปรอบตัว ก็จะเห็นแต่คนอื่นที่เริ่มต้นไปไกลแล้ว และความกลัวที่ใหญ่ที่สุดคือ "คุณอาจจะตายไปแล้ว แต่ยังไม่รู้ตัวไปอีก 3 ปี" ซึ่งถือว่าเป็นความจริงอันโหดร้ายของโลกสตาร์ทอัปหรือธุรกิจเกิดใหม่ที่มักไม่รู้ว่าธุรกิจของตัวเองกำลังเดินผิดทาง

สิ่งที่ทำให้ Wang ผ่านพ้นช่วงเวลานั้นมาได้คือความเชื่อมั่นอย่างสุดโต่ง Wang เชื่อว่าอนาคตต้องการสิ่งที่ตัวเขากำลังสร้าง ดังนั้นเขาจึงต้องเป็นคนสร้างมันขึ้นมาให้ได้ Wang หมกมุ่นกับการแก้ปัญหาที่คนอื่นมองว่า "ไม่เซ็กซี่" แต่มันคือปัญหาที่ส่งผลกระทบมหาศาล นั่นคือ "ข้อมูล"

Alexandr Wang เป็นหนึ่งในมหาเศรษฐีที่สร้างตัวขึ้นมาด้วยตัวเองที่อายุน้อยที่สุดในโลก
หัวใจของ Scale AI จึงเป็นการ "ถลุงข้อมูล" หรือ Data Foundry ที่ทำให้สามารถป้อนข้อมูลคุณภาพสูงจำนวนมหาศาลให้กับ AI ของบริษัทยักษ์ใหญ่และรัฐบาลทั่วโลก เพราะ AI จะฉลาดได้ ก็ต่อเมื่อมันมีข้อมูลที่ดีพอให้เรียนรู้

***วิสัยทัศน์ AI เขย่าโลก

วิสัยทัศน์เรื่อง AI ของ Wang นั้นทั้งสุดขั้ว น่าทึ่ง และน่ากลัว โดย Wang เคยพูดถึงสงครามแบบใหม่อย่าง Agentic Warfare สงครามรูปแบบนี้จะต่างจากแต่เดิมที่มนุษย์ต้องใช้เวลาหลายวันในการวางแผน แต่ AI สามารถวิเคราะห์ข้อมูลจากดาวเทียม, เรดาร์, และทุกแหล่งข่าวกรอง แล้วเสนอทางเลือกในการปฏิบัติภารกิจพร้อมจำลองผลลัพธ์นับล้านครั้ง และสรุปผลให้ผู้บัญชาการตัดสินใจได้ภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง สิ่งที่เกิดขึ้นคือการเปลี่ยนบทบาทของมนุษย์จากการเป็นผู้ปฏิบัติงานในวงจรหรือ Human in the loop ไปเป็นผู้นำนอกวงจรหรือ Human on the loop ที่คอยกำกับและตัดสินใจในเรื่องที่สำคัญที่สุดเท่านั้น

ความได้เปรียบนี้เองที่ Wang เชื่อว่าอาจทำให้เกิดปัญหาตามมาได้ เนื่องจากประเทศใดที่มี AI ที่สามารถเจาะระบบเพื่อปิดการทำงานของอาวุธศัตรูได้ทั้งหมดก่อนที่จะยิงนิวเคลียร์ มหาอำนาจรายนั้นก็จะสามารถโจมตีก่อนได้โดยไม่ต้องกลัวการตอบโต้ นี่คือความน่าสะพรึงกลัวที่ส่งสัญญาณเปลี่ยนโลกไปอย่างสิ้นเชิงในเวลาไม่นาน

Alexandr Wang ซีอีโอของ Scale AI ขณะหารือกับหน่วยงานสหรัฐฯ
อีกความเสี่ยงที่น่ากลัวที่สุดที่ Wang เคยพูดถึง คือ "อาวุธชีวภาพ" ในยุคที่ AI สามารถออกแบบเชื้อโรคที่ซับซ้อนได้เก่งกว่านักไวรัสวิทยาชั้นนำของโลก ก็อาจนำไปสู่การสร้างอาวุธชีวภาพที่สามารถตั้งโปรแกรมให้โจมตี DNA ของคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งโดยเฉพาะได้ มันคือฝันร้ายที่โลกต้องหาทางป้องกันให้ได้

เรื่องราวเหล่านี้อาจจะฟังดูน่ากลัว แต่ในความเสี่ยงก็ยังมีหนทางป้องกัน Wang เชื่อว่าทางออกของมนุษยชาติคือแนวคิดที่เรียกว่า "อธิปไตยของมนุษย์" (Human Sovereignty) นั่นคือการสร้างหลักประกันว่ามนุษย์จะยังคงเป็นผู้ควบคุมเทคโนโลยี ไม่ใช่ถูกเทคโนโลยีควบคุม

***ทางรอดของโลกยุค AI

Wang ย้ำว่าเราชาวโลกต้องออกแบบระบบให้การตัดสินใจของมนุษย์ยังคงมีความสำคัญสูงสุด และนี่คือภารกิจระยะยาวของ Scale AI ต่อการทำให้ AI เข้าใจและสอดคล้องกับคุณค่าของมนุษย์


Wang เชื่อว่าสักวันหนึ่ง โลกอาจจะต้องเผชิญกับเหตุการณ์หายนะเล็กๆ ที่เปรียบเหมือน "น้ำมันรั่ว ในวงการ AI" (AI oil spill) ซึ่งจะเป็นตัวกระตุ้นให้ประชาคมโลกหันหน้ามาจับมือกัน สร้างกฎเกณฑ์และร่วมมือกันเพื่อควบคุมเทคโนโลยีที่ทรงพลังนี้ ไม่ต่างจากที่โลกเคยทำกับพลังงานนิวเคลียร์

และบางที... ทางออกอาจจะซ่อนอยู่ในการกลับไปสู่จุดเริ่มต้น นั่นคือการปลูกฝังความตระหนักรู้ให้กับคนรุ่นต่อไป นี่เป็นที่มาของแนวคิดที่ Wang อยากรอให้มีเทคโนโลยีเชื่อมกับสมองโดยตรงอย่างนูรัลลิงก์ (Neuralink) เกิดขึ้นก่อนที่จะมีทายาท เพราะเชื่อว่าเด็กที่เติบโตมาพร้อมกับเทคโนโลยีนี้ จะสามารถใช้งานได้อย่างเป็นธรรมชาติ มีเทคโนโลยีเป็นส่วนหนึ่งของสมอง และสร้างสรรค์สิ่งที่ชาวโลกในวันนี้จินตนาการไม่ถึง

วิสัยทัศน์สุดมันส์ของ Alexandr Wang จึงทำให้นายใหญ่อายุน้อยแห่ง Scale AI ผู้นี้ กลายเป็นผู้ที่มาร์ก ซักเกอร์เบิร์ก (Mark Zuckerberg) เจ้าพ่อ Meta ต้องการตัว.


กำลังโหลดความคิดเห็น