เสียวหมี่ ประกาศผลประกอบการไตรมาสแรกของปี 2568 ด้วยรายได้รวม 111.3 พันล้านหยวน เพิ่มขึ้น 47.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิที่ปรับแล้วสูงถึง 10.7 พันล้านหยวน เพิ่มขึ้น 64.5% ถือเป็นครั้งแรกที่กำไรสุทธิเกินหมื่นล้านหยวน สะท้อนถึงการเติบโตที่แข็งแกร่งเกินความคาดหมายของตลาด
- รายได้จากสมาร์ทโฟนอยู่ที่ 50.6 พันล้านหยวน เพิ่มขึ้น 8.9% โดยมีการจัดส่งทั่วโลก 41.8 ล้านเครื่อง เติบโตต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 7
- รายได้จากกลุ่ม IoT และผลิตภัณฑ์ไลฟ์สไตล์พุ่งขึ้น 58.7% อยู่ที่ 32.3 พันล้านหยวน พร้อมอัตรากำไรขั้นต้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 25.2%
- รายได้จากรถยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะ (EV), AI และโครงการใหม่อื่น ๆ รวมอยู่ที่ 18.6 พันล้านหยวน โดย Xiaomi SU7 Series มียอดส่งมอบ 75,869 คันในไตรมาสนี้
กลยุทธ์พรีเมียมเห็นผล
เสียวหมี่ เดินหน้ากลยุทธ์พรีเมียมอย่างชัดเจน โดยราคาขายเฉลี่ยของสมาร์ทโฟนในไตรมาสนี้แตะ 1,211 หยวน สูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่ Xiaomi 15 Ultra ที่เปิดตัวในเดือนกุมภาพันธ์ มียอดขายเพิ่มขึ้น 90% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า
ครองแชมป์ตลาดจีนอีกครั้งในรอบ 10 ปี
เสียวหมี่กลับมาครองอันดับ 1 ในตลาดสมาร์ทโฟนจีนแผ่นดินใหญ่ด้วยส่วนแบ่ง 18.8% และยังคงรักษาอันดับหนึ่งในสามของแบรนด์สมาร์ทโฟนระดับโลกติดต่อกันเป็นไตรมาสที่ 19 ด้วยส่วนแบ่งตลาด 14.1%
ธุรกิจอินเทอร์เน็ตและ AIoT เติบโตต่อเนื่อง
- รายได้จากบริการอินเทอร์เน็ตอยู่ที่ 9.1 พันล้านหยวน เพิ่มขึ้น 12.8% โดยมีอัตรากำไรขั้นต้นสูงถึง 76.9%
- ผู้ใช้งานแอป Mi Home รายเดือนแตะ 106.4 ล้านราย และ AI Assistant อยู่ที่ 146.7 ล้านราย
- อุปกรณ์ที่เชื่อมต่อกับแพลตฟอร์ม AIoT รวม 943.7 ล้านเครื่อง เพิ่มขึ้น 20.1%
การลงทุนด้าน R&D อย่างต่อเนื่อง
ในไตรมาสแรก เสียวหมี่ใช้จ่ายด้านวิจัยและพัฒนา 6.7 พันล้านหยวน เพิ่มขึ้น 30.1% โดยมีบุคลากรด้าน R&D ถึง 21,731 คน และถือครองสิทธิบัตรกว่า 43,000 ฉบับทั่วโลก พร้อมตั้งเป้าลงทุนรวม 2 แสนล้านหยวนในอีก 5 ปีข้างหน้า
ล่าสุด เสียวหมี่ ยังได้เปิดตัวชิป Xiaomi XRING O1 ขนาด 3nm ที่พัฒนาขึ้นเอง นับเป็นก้าวสำคัญในการบูรณาการเทคโนโลยีหลักอย่างชิป, AI และระบบปฏิบัติการ เพื่อเสริมความแข็งแกร่งในระบบนิเวศเทคโนโลยีของบริษัท