เป็นประเด็นร้อนเมื่อ สส.ภคมน พรรคประชาชน แนะนำให้ "ภูมิธรรม" ติดฟิล์มกันเสือ_ หลังแชตไลน์กลุ่มยุทธศาสตร์เพื่อไทยหลุดระหว่างประชุมสภา ปรากฏการณ์นี้ทำให้เรื่องของฟิล์มติดหน้าจออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่บางคนเรียกว่า "ฟิล์มกันเผือก" และ "ฟิล์มกันมอง" ได้รับความสนใจมากขึ้น ซึ่งไม่แน่ในอนาคต อาจจะมีการตั้งงบประมาณขึ้นมาจัดซื้อฟิล์มปกป้องข้อมูลบนหน้าจออย่างจริงจังในบางองค์กรก็ได้
ตัวช่วยที่จะปกป้องหน้าจอมือถือและอุปกรณ์ของเราจากสายตาที่ไม่ได้รับเชิญ คือฟิล์มรักษาความเป็นส่วนตัวหรือ Privacy Screen Protector ซึ่งที่ผ่านมา หลายคนอาจจะคุ้นเคยกับฟิล์มกันรอยหน้าจอมือถือกันอยู่แล้ว แต่ฟิล์มกันมองนี้พิเศษกว่าตรงที่นอกจากจะช่วยปกป้องหน้าจอจากรอยขีดข่วนแล้ว ยังมีคุณสมบัติที่ช่วย "จำกัดมุมมอง" ของหน้าจออีกด้วย
สำหรับกระแสที่เกิดขึ้นในประเทศไทย ในระหว่างที่มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎรวันที่ 25 มี.ค. 68 ในโลกออนไลน์มีการแชร์ภาพของ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ขณะนั่งอยู่ในสภา โดยกำลังถือโทรศัพท์มือถือ ที่หน้าจอเป็นแชตกลุ่มยุทธศาสตร์ พรรคเพื่อไทย มีสมาชิก 21 คน ซึ่งมีการซูมจนเห็นข้อความที่มีสมาชิกรายหนึ่งส่งเข้ามาในกลุ่ม กล่าวถึง น.ส.ภคมน หนุนอนันต์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ที่กำลังอภิปราย ว่า “ภคมน นี่ใคร ทำหน้าทำตา หน้าเกลียดน่าชังมาก”
ติดฟิล์มกันเสือกหน่อยก็ดีค่ะ เพราะ ภคมน เห็นว่าในกรุ๊ปยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทยมีการกล่าวถึง pic.twitter.com/zz9F82auBT— LISA NUNARNAN (@SaPukkamon) March 25, 2025
ต่อมา น.ส.ภคมน ได้โพสต์ภาพดังกล่าวผ่าน X พร้อมเขียนแคปชั่นว่า “ติดฟิล์มกันเสือ_หน่อยก็ดีค่ะ เพราะ ภคมน เห็นว่าในกรุ๊ปยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทยมีการกล่าวถึง” ทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์กันในโลกออนไลน์อย่างร้อนแรง
***ยี่ห้อไหนน่าซื้อ?
ฟิล์มกันมองนั้นมีหลายยี่ห้อ แต่ในต่างประเทศมีการแนะนำยี่ห้อ ZAGG ซึ่งเหมาะกับผู้ใช้ iPhone เนื่องจากเป็นฟิล์มกันมองที่มีฟิลเตอร์ 4 ทิศทาง ที่ช่วยให้คนรอบข้างมองไม่เห็นหน้าจอของเรา ไม่ว่าจะถือแนวตั้งหรือแนวนอน แถมยังแข็งแรงทนทาน ป้องกันแรงกระแทกได้ดี และยังมีเทคโนโลยีช่วยลดการสะสมของแบคทีเรียด้วย โดยตอนนี้มีเฉพาะสำหรับ iPhone เท่านั้น
นอกจากนั้นคือยี่ห้อ UniqueMe เป็นตัวเลือกสำหรับผู้ใช้ Android โดย UniqueMe มีฟิลเตอร์ 2 ทิศทาง ที่จำกัดมุมมองได้ถึง 56 องศา และมีให้เลือกหลากหลายรุ่นตามมือถือที่ใช้ ใครที่หน้าจอแบนราบแบบ iPhone 14 หรือ 15 ก็มีแบบกระจกกันรอยให้เลือก ส่วนใครที่หน้าจอโค้ง ก็มีแบบไฮบริดที่ยืดหยุ่น ติดตั้งง่าย และแข็งแรงในระดับ 7H
อีกแบรนด์คือ Magglass ที่พัฒนาฟิล์มกันมองทั้งสำหรับ iPhone และ Android แต่ดูเหมือนว่าจะถูกใจผู้ใช้ iPhone เป็นพิเศษ เพราะผู้ใช้มือถือ Android ที่ใช้ระบบสแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอ อาจจะมีปัญหาในการใช้งานร่วมกับฟิล์มกันมองของ Magglass ซึ่งถ้าเรื่องความเป็นส่วนตัวสำคัญกว่า ก็อาจต้องยอมเสียสละการสแกนนิ้วมือไปก่อน
***ฟิล์มกันมอง ทำงานอย่างไร?
ฟิล์มบางเฉียบไม่ได้มีกลไกซับซ้อนที่ทำให้คนอื่นมองไม่เห็นหน้าจอของเรา แต่เคล็ดลับอยู่ที่เทคโนโลยีที่เรียกว่า "Micro Louver" ซึ่งมีหลักการทำงานเหมือนกับมู่ลี่หน้าต่างบานเล็กที่ถูกย่อส่วนให้มีขนาดเล็กมากจนมองด้วยตาเปล่าไม่เห็น
ฟิลเตอร์นี้จะยอมให้แสงจากหน้าจอมือถือของเราส่องผ่านออกมาได้เฉพาะในมุมมองตรงเท่านั้น ใครที่มองมาจากด้านข้าง หรือมุมอื่น ก็จะเห็นเป็นหน้าจอมืด โดยทั่วไปแล้วมุมมองที่จำกัดนี้จะอยู่ที่ประมาณ 60 ถึง 90 องศา
***เลือกฟิล์มกันมอง ต้องดูอะไรบ้าง?
ก่อนที่จะตัดสินใจซื้อฟิล์มกันมองมาใช้ สิ่งที่ควรพิจารณาก่อนคือฟิล์มนั้นใช้เทคโนโลยี Micro Louver หรือฟิล์มที่ใช้วิธีทำให้กระจกมืดลง? เนื่องจากเทคโนโลยี Micro Louver จะให้ประสบการณ์การมองที่ดีกว่าฟิล์มที่ใช้วิธีทำให้กระจกมืดลงเฉยๆ แน่นอน
ในส่วนของวัสดุ ผู้ใช้สามารถเลือกใช้รุ่นที่เป็นกระจกนิรภัยหรือฟิล์มธรรมดา ซึ่งเป็นความชอบส่วนบุคคล โดยทั้งสองวัสดุนั้นมีให้เลือกอย่างเสรีในตลาดฟิล์มกันมอง ซึ่งถ้าเป็นกระจกนิรภัยแบบเต็มจอ อาจจะติดตั้งยากเล็กน้อยสำหรับมือถือจอโค้ง แต่เรื่องความแข็งแรงในการป้องกันหน้าจอ กระจกนิรภัยจะเหมาะสมมากกว่า
สำหรับการจำกัดมุมมอง ผู้ใช้ควรเลือกระหว่าง 2 ทิศทางและ 4 ทิศทาง โดยแบบ 2 ทิศทางจะจำกัดมุมมองเฉพาะในแนวตั้งเท่านั้น แปลว่าการหมุนมือถือเป็นแนวนอน คนข้างๆ ก็จะเห็นหน้าจอเราได้ ข้อดีคือถ้าเราต้องการจะแชร์อะไรให้คนข้างกายดู จะสามารถหมุนมือถือได้ปกติ แต่ถ้าต้องการความเป็นส่วนตัวแบบสุดขีด ควรต้องเลือกแบบ 4 ทิศทาง ที่จะจำกัดมุมมองทั้งแนวตั้งและแนวนอน
อย่างไรก็ตาม มุมมองที่จำกัดของฟิล์มกันมอง อาจต้องแคบพอที่จะไม่ให้คนข้างๆ มองเห็น แต่ก็ไม่ควรแคบจนเกินไปจนผู้ใช้รู้สึกอึดอัดเวลาใช้งานเอง โดยทั่วไปแล้วมุมมองประมาณ 60 ถึง 90 องศา ก็ถือว่าเหมาะสม
***ข้อดี vs ข้อเสีย
ข้อดีที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดก็คือ "ความเป็นส่วนตัว" ซึ่งไม่ใช่แค่ในที่สาธารณะเท่านั้น แต่คนที่บ้านอาจรำคาญแสงจากหน้าจอมือถือที่ใช้งานตอนกลางคืน ฟิล์มกันมองจะช่วยทำให้แสงจากหน้าจอไม่รบกวนคนข้างกาย ในขณะที่ยังสามารถใช้งานมือถือได้ตามปกติ
และแน่นอน ฟิล์มกันมองจะยังคงทำหน้าที่เป็น "ฟิล์มกันรอย" ได้เหมือนเดิม ช่วยปกป้องหน้าจอมือถือของเราจากรอยขีดข่วนและการกระแทกที่ไม่คาดคิด นอกจากนี้ ฟิล์มกันมองบางรุ่นก็ยังมีคุณสมบัติพิเศษอื่นๆ เพิ่มเติม เช่น เคลือบสารลดแสงสะท้อน, กรองแสงสีฟ้า, ลดอาการเมื่อยล้าของสายตา, หรือเคลือบสารกันรอยนิ้วมือและคราบมัน
ข้อเสียที่ต้องรู้คือถึงแม้ว่าฟิล์มกันมองจะมีประโยชน์มากมาย และหลายบริษัทอาจจะโฆษณาว่าภาพยังคมชัดและสว่างเหมือนเดิม แต่ในความเป็นจริงแล้ว ฟิล์มกันมองส่วนใหญ่มักจะทำให้หน้าจอดูมืดลงเล็กน้อย ทำให้ผู้ใช้ต้องเพิ่มความสว่างของหน้าจอเพื่อให้มองเห็นชัดเจนขึ้น ซึ่งก็จะส่งผลให้แบตเตอรี่หมดเร็วขึ้น
นอกจากนี้ในบางกรณี หากผู้ใช้ปรับความสว่างสูงเกินไป ฟิลเตอร์กันมองก็อาจจะทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพเท่าที่ควรก็ได้
ในอีกด้าน การที่ต้องมองหน้าจอจากมุมตรงตลอดเวลา อาจทำให้ไม่สะดวกในเวลาที่อยากจะเหลือบมองดูเวลาหรือการแจ้งเตือนต่างๆ ขณะเดียวกัน การแบ่งหน้าจอให้ผู้อื่นดูจะทำได้ยากขึ้น และอาจจะต้องใช้เวลาหามุมที่เหมาะสมเพื่อให้คนอื่นเห็นสิ่งที่ต้องการบนหน้าจอ โดยฟิล์มกันมองแบบ 2 ทิศทางอาจจะช่วยได้บ้างในแนวนอน แต่ถ้าเป็นแบบ 4 ทิศทางนั้นย่อมลำบากแน่นอน
และสุดท้าย ถึงแม้มุมมอง 60 หรือ 90 องศาจะดูแคบ แต่ในสถานการณ์จริง เช่น บนรถไฟฟ้าหรือรถเมล์ คนที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็ยังอาจจะพอเห็นหน้าจอได้อยู่ดี.