เปิดใจ “รัตนพล วงศ์นภาจันทร์ ” ในวันที่เจ้าพ่อวงการปัญญาประดิษฐ์ของไทยอย่าง SIAM.AI Cloud สามารถลงทุนครั้งสำคัญด้วยการซื้อระบบ NVIDIA DGX B200 ซูเปอร์คอมพิวเตอร์เพื่อการประมวลผล AI รุ่นล่าสุดอย่าง NVIDIA DGX Blackwell B200 มาครอง โดยเป็นบริษัทแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ได้รับมอบระบบสุดแรร์หายากระดับโลก
รัตนพลมั่นใจว่า B200 จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการพัฒนาโมเดล AI ที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในยุคดิจิทัลได้อย่างแม่นยำและรวดเร็วยิ่งขึ้น โดยระบบ NVIDIA DGX B200 ถือเป็นซูเปอร์คอมพิวเตอร์รุ่นล่าสุดที่ทรงพลังที่สุดในตลาดปัจจุบัน ด้วยการติดตั้ง GPU Blackwell B200 จำนวน 8 ตัว พร้อมหน่วยความจำ GPU รวม 1.4 เทราไบต์ สามารถประมวลผลข้อมูลได้เร็วกว่ารุ่นก่อนถึง 3 เท่าสำหรับการฝึกฝนโมเดล และเร็วกว่า 15 เท่าสำหรับการประมวลผล
การลงทุนครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของภาคเอกชนไทยในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้าน AI ซึ่งเป็นหนึ่งในเทคโนโลยีสำคัญที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศ โดย SIAM.AI Cloud จะเทียบชั้นกับกลุ่มบริษัทชั้นนำระดับโลกที่เพิ่งได้รับมอบ B200 เมื่อช่วงตุลาคม 2024 เช่น OpenAI, Microsoft, Google และ Meta ทำให้สามารถมองได้ว่าเมืองไทยกำลังยกระดับขึ้นอีกในช่วงหลังจากที่ "เจนเซน หวง" ซีอีโอแจ็กเกตหนังแห่ง NVIDIA เดินทางมายังประเทศไทย
***คนไทยได้ของใหม่
นายรัตนพล วงศ์นภจันทร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SIAM.AI Cloud เปิดเผยว่าการได้รับมอบหน่วยประมวลผลประสิทธิภาพสูง NVIDIA DGX Blackwell B200 เครื่องแรกในเอเชียนั้นเป็นนิมิตหมายที่ดี เนื่องจากสะท้อนว่าวงการ AI ในเมืองไทยได้เข้าถึงนวัตกรรมที่ใหม่ที่สุดเท่าที่คนไทยจะได้นำมาใช้พัฒนา AI เพื่อคนไทยต่อไป
รัตนพลย้ำว่าศักยภาพของ B200 เมื่อเทียบกับตัว 100 คือความสามารถฝึกฝนหรือเทรนนิ่ง (training) ได้เร็วกว่า 3 เท่า (training มักจะอาศัยข้อมูลที่มีอยู่ก่อนแล้ว มาสร้าง model) ขณะที่การทำ inference นั้นจะเร็วกว่า 15 เท่า (การทำนายข้อมูลใหม่จากตัว model โดยใช้ทรัพยากรน้อยกว่า training) ซึ่งประโยชน์หลักของ B200 คือการลดต้นทุนในการเทรน ลดระยะเวลา และอาจจะสามารถทำโมเดล AI ใหม่ได้สบายขึ้น
“อย่างเช่นตอนนี้เราตั้งใจนำมาพัฒนา SIAMGPT โดยในระยะแรกจะใช้เป็น Generative AI เหมือนแชตจีพีทีที่สามารถตอบภาษาไทยได้ แต่ตอนนี้จะมุ่งพัฒนา AI ของเราให้เป็น Text to Video และ Text to Animation เชื่อว่าหลังจากได้รับเครื่องนี้มาจะทำให้การพัฒนาส่วนนี้ของเราก้าวกระโดด เหมือนตอนที่ Open AI ได้รับเครื่องนี้ไปแล้ว Sora ก็ออกให้บริการภายในไม่นาน”
รัตนพลชี้ว่านี่เป็นจุดเริ่มต้นของการต่อยอดอนาคตที่ยิ่งใหญ่ โดยจากนี้ภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2025 ชิป Blackwell ตัวที่แรงกว่านี้ก็จะเข้ามา ซึ่ง SIAM.AI Cloud จะเป็นเจ้าแรกในเอเชียที่ใช้หน่วยประมวลผลรุ่นใหม่ต่อไป
แม้จะไม่เปิดเผยมูลค่าการลงทุน แต่ผู้บริหาร SIAM.AI Cloud ชี้ว่าทั้งหมดเป็นการลงทุนที่สูงมาก โดยบอกใบ้ว่าระบบระบายความร้อนด้วยของเหลวที่จะถูกใช้กับชิปรุ่นนี้ ในซูเปอร์คอมพิวเตอร์ตัวแรกของเอเชียที่แรงที่สุดในช่วงไตรมาสนี้ที่ผ่านมา นั้นมีการลงทุนราว 10,000 ล้านบาท
“ฮาร์ดแวร์ AI ที่ตอบเรื่องการพัฒนาได้นั้นมีราคาแพงขึ้นจริงๆ แต่พลังการประมวลผลที่ได้นั้นสูงกว่าเยอะมากเมื่อเทียบกับการซื้อเครื่องรุ่นเก่า แม้จะเร็วกว่า 5 เครื่อง รวมถึงความเร็วในการทำ inference ที่มากกว่า 30 เท่า แต่การซื้อเครื่องรุ่นเก่าจำนวนหลายเครื่องก็ยังไม่เร็วเท่า และการซื้อเพื่อให้ได้พลังประมวลผลเท่ากันนั้นก็มีราคาแพงกว่า”
ดังนั้น การลงทุนครั้งนี้จึงทำให้ SIAM.AI Cloud มี Cloud และได้รับเครื่องที่มีพลังประมวลผลมากกว่าในราคาที่ถูกกว่า ขณะเดียวกัน การลงทุนในภาพรวมก็ลดลงเนื่องจากกินไฟน้อย เนื่องจากมีระบบ ระบายความร้อนด้วยน้ำจึงทำให้ชิปทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยความร้อนที่น้อยลง ทำให้กินไฟน้อยลง
***มีเงินอย่างเดียวซื้อไม่ได้
เมื่อถามว่าทำไม SIAM.AI Cloud จึงได้ GPU นี้มาครองเป็นคนแรก รัตนพลอธิบายว่าด้วยความพยายามที่หนักมาก ทำให้ NVIDIA เห็นความตั้งใจของ SIAM.AI Cloud ในการตอบรับสถาปัตยกรรมที่ NVIDIA อ้างอิงหรือ Reference Architecture ของ NVIDIA ทั้งหมด
“เมื่อทำอย่างนั้นแล้ว การตัดสินใจของ SIAM.AI Cloud ในการเตรียมดาต้าเซ็นเตอร์จึงมีจุดแข็ง ที่ผ่านมา ประเทศไทยกำลังมีการสร้างดาต้าเซ็นเตอร์จำนวนมาก และเมื่อมีดาต้าเซ็นเตอร์หลายเจ้า จึงมีการพิจารณาว่าควรสร้างดาต้าเซ็นเตอร์แบบใดจึงเหมาะสม SIAM.AI Cloud ได้แนะนำว่าดาต้าเซ็นเตอร์ที่สร้างควรจะเป็นระบบที่เอื้อสำหรับการพัฒนา AI เป็นหลัก เนื่องจากจะทำให้ดาต้าเซ็นเตอร์สามารถรองรับการใช้พลังหนาแน่นจากหลัก 10 กิโลวัตต์มาเป็นเกิน 100 กิโลวัตต์ต่อแร็คได้ และเมื่อดาต้าเซ็นเตอร์ที่เป็นพาร์ตเนอร์ของ SIAM.AI Cloud ได้รับข้อมูลเหล่านี้ จะมีการเตรียมตัวไว้ก่อน เพื่อสร้างความพร้อมขึ้นมา ส่วนนี้ทำให้ SIAM.AI Cloud มีความพร้อมรับเครื่องใหม่ เนื่องจากในประเทศอื่น หากไม่มีดาต้าเซ็นเตอร์ที่พร้อมทาง NVIDIA ก็จะไม่ขายเครื่องให้ เนื่องจากเอาไปซื้อก็เอาไปใช้ติดตั้งไม่ได้อยู่ดี”
ปัจจุบัน SIAM.AI Cloud มีการลงทุนเกิน 10,000 ล้านบาทต่อปี และตัวเลขการลงทุนนี้คำนวณเฉพาะตัวคลัสเตอร์ที่ลงทุน SCT ส่วนเดียว โดยล่าสุดมีการลงทุนตั้งดาต้าเซ็นเตอร์จำนวน 7 แห่ง
ในส่วนเป้าหมายปีนี้ SIAM.AI Cloud นั้นต้องการเป็นผู้นำอุตสาหกรรม และต้องการปรับใช้สถาปัตยกรรมใหม่ โดยเฉพาะ GPU รุ่นใหม่ให้เร็วที่สุด เพื่อที่จะให้บริการลูกค้า ตามเทคโนโลยีใหม่ เร็วที่สุดมากกว่าคนอื่นเสมอ และจะพยายามรักษาตำแหน่งผู้นำให้ได้ต่อเนื่อง
สำหรับตัว Blackwell ที่จะมา SIAM.AI Cloud เป็นเจ้าแรก บริษัทมีความตั้งใจที่จะพัฒนาต่อยอด ด้วยการเตรียมงบช่วงครึ่งหลังหลัง เพื่อมูฟไปที่รุ่นใหม่คือ B300 บนแผนจะลงทุนต่อเนื่องขึ้นไปอีก
***ทำไมแพงและแรร์
รัตนพลไขข้อข้องใจเรื่องความหายากของ GPU B200 ว่าตัวซิลิคอนของชิปนั้น ผลิตขึ้นโดยที่ NVIDIA “ไม่ได้ตั้งใจสั่งไว้เยอะ” กับบริษัทผลิตชิปที่ไต้หวัน TSMC จึงทำให้ B200 มีจำนวนน้อยและหายากเมื่อเทียบกับชิปตัวอื่น นอกจากนี้ B200 ยังเป็น Blackwell ที่ไม่ใช่รุ่นระบายความร้อนด้วยของเหลว ทำให้ดาต้าเซ็นเตอร์ที่ทำความเย็นด้วยอากาศจะไม่ต้องปรับแต่งมากในการใช้งาน โดยจะสามารถปรับใช้กับ Blackwell ได้ ชิปดังกล่าวจึงมีลักษณะการทำงานที่เฉพาะตัวไม่เหมือนใคร
“พูดง่ายๆ คือ เท่าที่เราได้สัมผัสประสบการณ์มา ชิปนี้อาจจะเป็นตัวที่หายากที่สุดในโลก ณ ตอนนี้ ตัวนี้หายากที่สุด และรับเอามาได้ยากที่สุด ไม่ใช่ว่า คนธรรมดามีเงินก็ซื้อได้ และไม่ใช่คอนเน็กชันหรอก อาจจะต้องมีการเตรียมตัวและต้องมีความพร้อมทุกอย่าง ถึงจะสามารถที่จะเอามาได้ก่อน”
รัตนพลหวังว่าการพัฒนาบน GPU นี้จะก้าวกระโดด โดยจากนี้บริษัทจะมีการร่วมมือกับมหาวิทยาลัยซีเอ็มเคแอล ซึ่งเป็นสถาบันอุดมศึกษาศักยภาพสูงจากต่างประเทศที่มาร่วมกับมหาวิทยาลัยคาร์เนกีเมลลอน กับ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง เพื่อให้เกิดการพัฒนาโมเดล AI หลากหลายตัว โดยใช้หน่วยประมวลผลเครื่องนี้
“บริษัทหวังว่าความสามารถของมหาวิทยาลัย และความสามารถของทรัพยากรที่บริษัทมีจะช่วยพัฒนาตัว LLM (โมเดลาษาขนาดใหญ่) ของเมืองไทยให้มีความสามารถแบบก้าวกระโดดขึ้นไป”