xs
xsm
sm
md
lg

แว้นเอง นักเลงพอ! สรุปความเก่ง “สกูตเตอร์ไร้คนขี่” ต้นแบบในฝันจาก Xiaomi

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ชาวโซเชียลตื่นเต้นกันถ้วนหน้าเมื่อได้เห็นวิดีโอโชว์ความน่าทึ่งของสกูตเตอร์ไฟฟ้าอัตโนมัติจาก “ไนน์บ็อต” (Ninebot) ซึ่งเป็นฝ่ายพัฒนาสกูตเตอร์ของเสียวหมี่ (Xiaomi) วิดีโอนี้แสดงว่าสกูตเตอร์ของ Ninebot ไม่เพียงแต่ขับเคลื่อนได้เอง แต่ยังรักษาสมดุลไม่มีเอียงหรือล้ม แถมมีระบบดันขาตั้งเองโดยที่ไม่ต้องง้อแรงใครด้วย

สกูตเตอร์นั้นเป็นรถจักรยานยนต์ขนาดเบา และมีล้อขนาดเล็กจำนวน 2 ล้อ สิ่งที่ Xiaomi ทำคือการต้อนรับทุกคนเข้าสู่อนาคตที่สกูตเตอร์ไฟฟ้า Ninebot จะผสมผสานความสะดวกสบายในชีวิตประจำวันเข้ากับเทคโนโลยีล้ำสมัย ซึ่งแม้ว่ามองแวบแรกอาจดูเหมือนสกูตเตอร์ไฟฟ้าทั่วไป แต่ที่จริงแล้วคอนเซ็ปต์ที่ Ninebot วางไว้นั้นไม่ธรรมดาเลย

***จาก Segway สู่ Ninebot


ที่มาของโปรเจกต์สกูตเตอร์ไฟฟ้าอัจฉริยะที่กำลังเป็นที่พูดถึงอย่างมากในโลกโซเชียล เริ่มจากการที่ Xiaomi เข้าซื้อกิจการ Ninebot และต่อมา Ninebot ได้เข้าซื้อเซกเวย์ (Segway) ในปี 2019 ซึ่งเทคโนโลยีของสกูตเตอร์รุ่นนี้ได้ถูกพัฒนาขึ้นภายใต้การดูแลของ Segway นั่นเอง

ระบบดันขาตั้งเองโดยที่ไม่ต้องง้อแรงใคร
ความเก่งของต้นแบบสกูตเตอร์นี้คือระบบการขับขี่อัตโนมัติ ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องบังคับรถด้วยมือ เพียงแค่นั่งบนสกูตเตอร์ ตัวรถจะพาผู้โดยสารไปยังจุดหมายได้เอง ทำให้การขี่สกูตเตอร์ได้ควารู้สึกเหมือนกับการนั่งรถยนต์ที่ไม่ต้องกังวลเรื่องการทรงตัว

เทคโนโลยีสำคัญที่อยู่เบื้องหลังความสามารถนี้ คือระบบไจโรสโคป (Gyroscopic Technology) ซึ่งทำหน้าที่ควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ โดยหากรถเอียงไปทางขวา ระบบจะปรับสมดุลไปทางซ้ายทันที ทำให้รถทรงตัวได้อย่างสมบูรณ์แบบตลอดการขับขี่

หากรถเอียงไปทางขวา ระบบจะปรับสมดุลไปทางซ้ายทันที

เทคโนโลยีสำคัญที่ทำให้สกูตเตอร์ขี่ลงบันไดได้ไม่ล้ม คือระบบไจโรสโคป (Gyroscopic Technology)

ระบบตรวจสอบสามารถตรวจจับได้ว่าผู้โดยสารกำลังนั่งอยู่บนเบาะ หรือยืนบนที่วางเท้า

เทคโนโลยีของสกูตเตอร์รุ่นนี้ได้ถูกพัฒนาขึ้นภายใต้การดูแลของ Segway เดิม
อีกส่วนที่เสริมความเก่งให้สกูตเตอร์นี้ คือระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่จะใช้กล้องและเซ็นเซอร์ที่ติดตั้งด้านหน้า ทำงานร่วมกับระบบตรวจจับสิ่งกีดขวางและคนเดินถนน ทำให้ประมวลผลและตัดสินใจว่าควรหยุดหรือเดินหน้าต่อ

นอกจากการใช้เซ็นเซอร์ขั้นสูงเพื่อการทรงตัวได้ไม่ว่าจะเกิดสถานการณ์ใดก็ตาม Ninebot ยังวางกรอบให้รถต้นแบบมีระบบปลดล็อกระยะไกลที่เมื่อเจ้าของอยู่ใกล้ ทำให้ไม่ต้องคลำหากุญแจหรือสั่งการทางโทรศัพท์ โดยสกูตเตอร์จะรู้ว่าเมื่อใดที่เจ้าของพร้อมขับขี่ ขณะเดียวกัน ยังฝังระบบตรวจสอบที่สามารถตรวจจับได้ว่าผู้โดยสารกำลังนั่งอยู่บนเบาะ หรือยืนบนที่วางเท้า รวมถึงกำลังจะลงจากรถ

Liger Mobility จากอินเดีย ที่เปิดตัวสกูตเตอร์ไร้คนขี่ Liger X ในงาน Auto Expo 2023
ความชาญฉลาดในระดับนี้ทำให้สกูตเตอร์ปลอดภัยและใช้งานง่ายอย่างเหลือเชื่อ ตัวสกูตเตอร์จะมาพร้อมคุณสมบัติจอดรถอัตโนมัติ โดยจะจอดเองเมื่อมาถึงจุดหมายปลายทาง เจ้าของสามารถก้าวลงจากรถและสั่งการด่วนจากโทรศัพท์ เพื่อให้สกูตเตอร์แล่นไปหาที่จอดรถและล็อกตัวเอง ทำให้เจ้าของไม่ต้องกังวลเรื่องการหาที่จอดที่เหมาะสมอีกต่อไป

***ชาร์จ 30 นาที วิ่งไกล 200 กม.

หลังจากชาร์จเพียง 30 นาที สกูตเตอร์ทรงพลังคันนี้สามารถวิ่งได้ไกลถึง 200 กม. เรียกว่าครอบคลุมการเดินทางไปส่งลูกหลายที่โรงเรียน รวมถึงการทำธุระ ไปซื้อของชำ หรือส่งอาหารเป็นงานเสริม ล้วนเป็นงานที่สกูตเตอร์คันนี้จัดการได้

ไอเดียนี้ไม่ใหม่ เพราะนอกจาก Ninebot ในตลาดนี้มีผู้ผลิตรายอื่นที่กำลังพัฒนาเทคโนโลยีลักษณะเดียวกัน เช่น ไลเกอร์ โมบิลิตี้ (Liger Mobility) จากอินเดีย ที่เปิดตัว Liger X ในงาน Auto Expo 2023 ด้วยความเร็วสูงสุด 60-80 กม./ชม. และวิ่งได้ไกล 60-100 กม.

Mi Electric Scooter Pro 2 ส่วนหนึ่งของสกูตเตอร์ไฟฟ้า Xiaomi ที่วางจำหน่ายแล้วในบราซิล
ปัจจุบัน Xiaomi มีสกูตเตอร์ไฟฟ้ารุ่น E300 วางจำหน่ายอยู่แล้ว สมรรถนะน่าประทับใจด้วยอัตราเร่ง 0-50 กม./ชม. ใน 2.89 วินาที วิ่งได้ไกล 130 กม.มีจอ Matrix LED ระบบเบรก ABS แบบ dual channel พร้อมด้วยระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน มีพื้นที่เก็บของ 34 ลิตร ซึ่งยังไม่มีฟีเจอร์ขับเองเหมือนรถต้นแบบที่เปิดตัวล่าสุด

แม้ว่านวัตกรรมนี้ของ Xiaomi จะยังไม่มีกำหนดการวางจำหน่ายที่แน่ชัด แต่ชื่อ Xiaomi ย่อมการันตีได้ว่าสกูตเตอร์ไฟฟ้า Ninebot จะมาพร้อมราคาที่สามารถแข่งขันได้ ดังนั้น สกูตเตอร์ไฟฟ้าอัจฉริยะจึงมีโอกาสสูงมากที่จะเปลี่ยนอนาคตของการเดินทางในเมือง โดยเฉพาะแง่ของความปลอดภัย เพราะระบบขี่อัตโนมัติอาจไม่มีโหมดขับซอกแซกแซงซ้ายขวาก็ได้


กำลังโหลดความคิดเห็น