HUAWEI มอง 5.5G เปิดโอกาสครั้งสำคัญในอุตสาหกรรมโทรคมนาคม ด้วยการปลดล็อกศักยภาพของ Mobile AI ที่จะกลายเป็นรากฐานสำคัญในอนาคต เพื่อให้ผู้บริโภคเข้าถึงบริการอัจฉริยะได้
หยาง เฉาปิง กรรมการและประธานกลุ่มผลิตภัณฑ์และโซลูชันไอซีทีของหัวเว่ย กล่าวว่า ปัจจุบันมีสองเทรนด์สำคัญที่เกิดขึ้นจากการพัฒนาของเทคโนโลยี 5.5G และ AI อย่างรวดเร็ว ซึ่งจะเปลี่ยนโฉมอุตสาหกรรมและนำพาสู่ “ยุค Mobile AI”
เทรนด์แรก คือ “Mobile going AI” ที่บริการอินเทอร์เน็ตเคลื่อนที่กำลังได้รับการเปลี่ยนแปลงผ่านรูปแบบธุรกิจและบริการที่ก้าวล้ำ ส่วนเทรนด์ที่สองคือ "AI going Mobile" ซึ่งเป็นการเปิดโอกาสทางธุรกิจขนาดใหญ่ผ่านบริการใหม่ๆ เช่น ยานยนต์อัจฉริยะและหุ่นยนต์ โดยนายหยาง ระบุว่าพัฒนาเหล่านี้จะเป็นแรงผลักดันและสร้างโอกาสสำคัญให้สังคมและอุตสาหกรรมโทรคมนาคม
โดยเทรนด์เหล่านี้จะมีอิทธิพลต่ออุตสาหกรรม ICT ใน 3 ด้านด้วยกัน โดยประการแรก ตัวแทน AI สำหรับบุคคล จะปรับโฉมบริการอินเทอร์เน็ตเคลื่อนที่ให้เป็นไปในรูปแบบที่ทุกคนมีผู้ช่วยอัจฉริยะส่วนตัว ส่งผลให้เครือข่ายตัวแทน AI จะต้องรองรับบริการแบบเรียลไทม์
ประการที่สอง การขับเคลื่อนอัจฉริยะจะปรับโฉมการเดินทาง เครือข่ายยานยนต์อัจฉริยะจะต้องสามารถส่งข้อมูล (uplink) ที่มีความเร็วสูง ประการสุดท้าย ความอัจฉริยะที่มีการประยุกต์ใช้ทั่วไปจะถูกนำไปใช้ในสถานการณ์ต่างๆ เพื่อปลดล็อกผลิตภาพใหม่และสร้างตลาด AI-หุ่นยนต์ ที่มีความสามารถสูงขึ้น
ขณะเดียวกัน การพัฒนาให้เครือข่าย 5.5G มีความสามารถในการรองรับการเชื่อมต่อ รูปแบบประสบการณ์ และบริการที่หลากหลาย จำเป็นสำหรับการตอบสนองต่อความต้องการใหม่ๆ ที่เกิดจากตัวแทน AI ยานยนต์อัจฉริยะ และความอัจฉริยะที่มีการประยุกต์ใช้ทั่วไป
สิ่งที่ตามมาคือ เครือข่าย 5.5G ต้องมีแบนด์วิดท์สูงขึ้นเพื่อรองรับประสบการณ์ใช้งานของผู้บริโภค ด้วยการนำแถบคลื่นในย่านความถี่ต่ำกว่า 100 GHz มาส่งมอบความสามารถของเครือข่ายที่ยืดหยุ่น
ต่อเนื่องด้วยการนำเครือข่าย 5.5G มาประเมินความคุ้มค่าในการซื้ออุปกรณ์ (TCO) เนื่องจากสามารถรองรับการเชื่อมต่อ IoT ทั้ง เทคโนโลยี RedCap และ Passive IoT รวมถึงจัดเตรียมพอร์ทัลเฉพาะให้แก่ธุรกิจที่มีความต้องการ