ไม่มีช่วงเวลาไหนที่ข่าวลือของแอปเปิล (Apple) จะมีสีสันมากเท่ากับช่วงเวลานี้ที่ยักษ์ใหญ่ไอทีกำลังเตรียมตัวจัดงานเปิดม่าน iPhone ประจำปีที่หลายคนรอคอยในสัปดาห์หน้า โดยข่าวลือที่แพร่สะพัดล่าสุดนั้นเกี่ยวกับการบุกเบิกโลกหุ่นยนต์ ทำให้เกิดความข้องใจว่าอาจจะมีคนกลุ่มเล็กหยิบมือเดียวเท่านั้นที่จะยอมควักกระเป๋าซื้อมาครอบครอง
สื่อใหญ่อย่างบลูมเบิร์ก (Bloomberg) รายงานว่า Apple กำลังพัฒนา "หุ่นยนต์ตั้งโต๊ะ" ที่ย่อส่วนเป็นเวอร์ชันพกพาบนมือถือที่สามารถติดตามผู้ใช้ได้ ซึ่งอาจเป็นคู่แข่งโดยตรงกับหุ่นยนต์แอสโทร (Astro) ของอะเมซอน (Amazon) เบื้องต้นอาจมีการประกาศรายละเอียดเล็กน้อยในงาน "Glowtime" ที่ Apple กำลังจะจัดขึ้นในวันที่ 9 กันยายน 2024 ที่สำนักงานใหญ่ Apple Park
ตามรายงานของ Bloomberg ซึ่งเริ่มระบุข้อมูลเกี่ยวกับหุ่นยนต์ของ Apple มาตั้งแต่เดือนเมษายน พบว่าหุ่นยนต์ของ Apple อาจเป็นอุปกรณ์ที่เปิดตัวภายใน 2-3 ปีข้างหน้า มีข่าวลือว่าตัวหุ่นจะเป็นหุ่นยนต์ตั้งโต๊ะ ที่มีหน้าจอคล้าย iPad บนฐานหมุน ซึ่งออกแบบมาเพื่อติดตามการเคลื่อนไหวของผู้ใช้ระหว่างการโทร.วิดีโอ
***แผนระยะยาวของ Apple
งานใหญ่ที่ Apple Park นั้นคาดว่าจะเป็นการเปิดตัว iPhone 16 และการอัปเดตระบบปฏิบัติการ iOS อย่างไรก็ตาม นักสังเกตการณ์ในอุตสาหกรรมกำลังมองไปไกลกว่าการประกาศความเคลื่อนไหวเรื่อง iPhone เพื่อคาดเดาแผนระยะยาวของ Apple
นักวิเคราะห์มองว่าข่าวลือเรื่อง Apple เล็งขายหุ่นยนต์นั้นสมเหตุสมผล แต่ยังมีจุดที่น่าข้องใจ เพราะแม้ว่าความสนใจของ Apple ในด้านหุ่นยนต์จะสอดคล้องกับความพยายามที่คล้ายคลึงกับบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีรายอื่น เช่น เทสลา (Tesla) Amazon และเอ็นวิเดีย (NVIDIA) แต่หากมองในแง่ความสามารถในการทำกำไรในตลาดของผลิตภัณฑ์กลุ่มหุ่นยนต์นี้ยังมีจุดที่น่ากังวล
ตัวอย่างเช่น ฟิลิป เอลเมอร์-เดวิท (Philip Elmer-DeWitt) บรรณาธิการบริหารของเว็บไซต์ Apple 3.0 แสดงความสงสัยเกี่ยวกับความน่าดึงดูดใจต่อคนกลุ่มมากหรือตลาดแมส เพราะกลุ่มคนที่อาจใช้หุ่นยนต์นี้มีโอกาสสูงที่จะมีจำนวนน้อยเกินไป นอกจากนี้ การเคลื่อนไหวเรื่องหุ่นยนต์อาจคล้ายกับแนวทางของ Apple ที่มีต่อรถยนต์และชุดหูฟัง AR/VR ซึ่งเป็นการวางตำแหน่งเชิงกลยุทธ์สำหรับโอกาสทางการตลาดในอนาคต
อย่างไรก็ตาม หากหุ่นยนต์ของ Apple สามารถทำให้เกิดการแข่งขันเพื่อเป็นเจ้าแรกในตลาด ถือว่าจะยิ่งเป็นเรื่องดีสำหรับ Apple เพราะ Apple มีแหล่งเงินทุนจำนวนมาก ทำให้บริษัทมีข้อได้เปรียบในการสำรวจตลาดเทคโนโลยีใหม่ แต่จนถึงขณะนี้ Apple ยังไม่ได้แสดงความคิดเห็นใดเกี่ยวกับข่าวลือเรื่องหุ่นยนต์
***หุ่นยนต์ Apple หน้าตาอย่างไร?
หากเจาะลงไปที่ Amazon เจ้าพ่ออีคอมเมิร์ซจำหน่ายหุ่นยนต์ Astro ในราคา 1,600 เหรียญสหรัฐ (ราว 54,292 บาท) ให้แก่บุคคลที่ได้รับคำเชิญเท่านั้น ความเก่งของหุ่นยนต์คือการเดินตรวจสอบห้อง ผู้คน และสิ่งของต่างๆ จากระยะไกลเมื่อผู้ใช้ไม่อยู่บ้าน หุ่นยนต์จะสามารถส่งการแจ้งเตือนหากตรวจพบบุคคลที่ไม่รู้จัก หรือหากมีเสียงผิดปกติเช่นสัญญาณเตือน
Astro นั้นมีจอแสดงผลในตัวและสามารถใช้ดูทีวี โทร.ออก ตั้งการแจ้งเตือน และส่งข้อความ มีการใช้ Alexa ในการโต้ตอบและเป็นผู้ช่วยส่วนตัวที่รู้ใจ โดย Amazon วางจุดขายว่าสามารถใช้ "ดูแลคนที่คุณรักผู้อายุมากขึ้นจากระยะไกล" ได้ เนื่องจากสามารถพกพาอุปกรณ์เสริมอื่น เช่น เครื่องวัดความดันโลหิต และกล้อง Furbo Dog ที่ให้ขนมสำหรับสัตว์เลี้ยงได้ด้วย
Astro ถือว่ามีราคาต่ำกว่าหุ่นยนต์สุนัข Aibo ของโซนี (Sony) ที่มีราคา 2,900 เหรียญสหรัฐ (ราว 98,405 บาท) ตัวหุ่นได้รับการออกแบบมาให้ทำหน้าที่เหมือนสุนัขจริง มีการเคลื่อนไหวต่อเนื่อง อยากรู้อยากเห็น และสนใจโต้ตอบกับมนุษย์ สามารถเรียนรู้หลายสถานการณ์ เล่นของเล่น และฟังคำสั่งได้
จากบริบทเหล่านี้ คุณสมบัติที่อาจเป็นไปได้ในหุ่นยนต์ของ Apple คือหน้าจอแบบ iPad ติดบนฐานหมุนได้ ภายในมี Siri เป็นมันสมองหลัก ขณะเดียวกัน ก็มีช่องทางให้สื่อสารผ่านระบบ Facetime และอาจแตกไลน์จากสินค้ากลุ่มอุปกรณ์สำหรับบ้านที่ Apple ทำตลาดอยู่แล้วอย่าง Apple TV และลำโพง HomePod ซึ่งล้วนสามารถหยิบมารวมกันแล้วติดกล้อง หรืออาจจะอยู่ในรูปของ HomePod ที่มีหน้าจอก็ได้
น่าเสียดายที่ทั้งหมดนี้ยังคงเป็นเพียงข่าวลือและการคาดเดาเท่านั้น เรื่องจริงเป็นอย่างไร? ใครจะซื้อมาใช้? ยังต้องรอดูคำตอบต่อไป
จากบริบทเหล่านี้ คุณสมบัติที่อาจเป็นไปได้ในหุ่นยนต์ของ Apple คือหน้าจอแบบ iPad ติดบนฐานหมุนได้ ภายในมี Siri เป็นมันสมองหลัก ขณะเดียวกันก็มีช่องทางให้สื่อสารผ่านระบบ Facetime และอาจแตกไลน์จากสินค้ากลุ่มอุปกรณ์สำหรับบ้านที่ Apple ทำตลาดอยู่แล้วอย่าง Apple TV และลำโพง HomePod ซึ่งล้วนสามารถหยิบมารวมกันแล้วติดกล้อง หรืออาจจะอยู่ในรูปของ HomePod ที่มีหน้าจอก็ได้
น่าเสียดายที่ทั้งหมดนี้ยังคงเป็นเพียงข่าวลือและการคาดเดาเท่านั้น เรื่องจริงเป็นอย่างไร? ใครจะซื้อมาใช้? ยังต้องรอดูคำตอบต่อไป.