xs
xsm
sm
md
lg

Meta จับภาษาไทยลง Llama 3.1 โอเพ่นซอร์ส AI ใหญ่สุดดีสุด จัดแข่งอัดฉีดผู้ชนะ 5 แสนดอลล์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



Meta (เมต้า) บริษัทแม่เฟซบุ๊กประกาศอัปเดต AI เวอร์ชันล่าสุดตระกูลลาม่า “Llama 3.1” ระบุเป็นระบบปัญญาประดิษฐ์ที่ใช้โมเดลประมวลผลด้วยภาษาขนาดใหญ่ (Large Language Model) แบบโอเพ่นซอร์สที่ใหญ่และทันสมัยที่สุดในอุตสาหกรรม ชี้การรองรับภาษาไทยเกิดได้เพราะวิสัยทัศน์ให้ Llama 3.1 โมเดล AI ที่รองรับทุกภาษาสำหรับโลกนี้ หยอดยาหอมไทยเป็นตลาดแข่งขันสูงและมีชุมชนนักพัฒนาและอีโคซิสเต็มภาคสร้างสรรค์แข็งแกร่ง ชวนคนไทยประกวดรับทุนสนับสนุน Llama 3.1 Impact Grants มูลค่า 5 แสนดอลล์ ซึ่งเป็นการอัดฉีดครั้งใหญ่ที่สุดจาก Meta ในแวดวงชุมชน AI โลก

นายราฟาเอล แฟรงเคิล ผู้อำนวยการฝ่ายนโยบายสาธารณะประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของ Meta กล่าวถึงการเปิดตัว Llama 3.1 ว่าการขยายการรองรับภาษาไทยของ Llama 3.1 ไม่เพียงเป็นไปตามวิสัยทัศน์ของบริษัทที่ต้องการให้ Llama 3.1 เป็นโมเดล LLM ที่รองรับทุกภาษาเพื่อให้ทุกคนใช้ได้งาน แต่ประเทศไทยยังเป็นตลาดที่แข่งขันสูงและแข็งแกร่งทั้งด้านชุมชนนักพัฒนา อีโคซิสเต็มภาคการสร้างสรรค์งาน เชื่อว่าการรองรับภาษาไทยของ Llama 3.1 จะเป็นประโยชน์ต่อชุมชนไทยโดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ และขยายผลจากอุตสาหกรรม ส่งต่อประโยชน์ไปชุมชนต่างๆ ได้

“การขยายการรองรับภาษาไทยของ Llama 3.1 จะทำให้ทุกอย่างดีขึ้นสำหรับธุรกิจ ประเทศไทยมีความเหมาะสมและพร้อมนำเอา LLM ไปใช้ให้เกิดประโยชน์สำหรับประชาชนคนไทย ตัวอย่างเช่น ร้านแฟชั่นจะสามารถสร้างแชตบอต AI ภาษาไทย เพื่อให้ลูกค้าได้รับคำตอบเฉพาะคนอย่างรวดเร็ว มีศักยภาพมากในการขยายธุรกิจ นอกจากนี้ ไทยมีชุมชนครีเอเตอร์ที่แข็งแกร่งมาก ครีเอเตอร์อาจต้องการติดต่อกับผู้ติดตามบนเฟซบุ๊ก โดยสามารถพัฒนาแชตบอตของตัวเอง เพื่อให้แฟนคลับสามารถสนทนาหรือสอบถามครีเอเตอร์ได้ว่าชอบนักดนตรีคนใด ครีเอเตอร์อาจไม่ต้องวุ่นตอบคำถามเอง แต่ฝึกให้ AI ตอบแทนได้ตามข้อมูลที่เทรนด์ไว้ ถือเป็นโอกาสทั้งกลุ่มเอสเอ็มอี ภาคท่องเที่ยว อาหาร ศิลปะ การออกแบบ ภาคสร้างสรรค์ รวมถึงนักพัฒนาไทย”

สำหรับ Llama 3.1 โมเดลแบบโอเพ่นซอร์สที่ Meta เคลมว่าใหญ่และทันสมัยที่สุดในอุตสาหกรรมปัญญาประดิษฐ์นั้นมาพร้อมกับโมเดล 405B, 70B และ 8B จุดเด่นคือการขยายการรองรับความยาวเนื้อหามากถึง 128k ช่วยให้การโต้ตอบมีความหลากหลายมากขึ้น ขณะเดียวกันก็สามารถให้เหตุผลได้น่าเชื่อถือมากขึ้น โดยรองรับการสร้างข้อมูลสังเคราะห์และการถ่ายโอนข้อมูลระหว่างโมเดล (Model distillation) แถมยังเป็น AI ที่มีความรับผิดชอบ นำไปสู่การคว้าใจพันธมิตรมากกว่า 30 รายมุ่งมั่นสนับสนุนการพัฒนา Llama 3.1 ตั้งแต่เริ่มต้น

 นายราฟาเอล แฟรงเคิล ผู้อำนวยการฝ่ายนโยบายสาธารณะประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของ Meta
สถิติล่าสุดระบุว่า Meta ได้เปิดตัวโมเดล Llama รุ่นแรกเมื่อปีที่แล้ว มียอดดาวน์โหลดรวมกว่า 300 ล้านครั้ง และมีการพัฒนาโมเดลต่อยอดกว่า 20,000 โมเดลสำหรับการใช้งานที่หลากหลาย หนึ่งในนั้นคือ Meta AI ที่มีจุดเด่นที่ฟีเจอร์ “Imagine Yourself” จะช่วยให้ผู้ใช้สร้างรูปภาพตนเองขึ้นมาใหม่ โดยสามารถเพิ่ม ลบ หรือเปลี่ยนองค์ประกอบในรูปได้ตามที่ต้องการ ขณะเดียวกัน ก็มอบผลลัพธ์หรือคำตอบที่แม่นยำให้ผู้ใช้ที่ถามปัญหาเกี่ยวกับคณิตศาสตร์ หรือการเขียนโค้ด เป็นต้น

ปัจจุบัน Meta กำลังนำ Meta AI เข้าไปใช้ในผลิตภัณฑ์และแพลตฟอร์มต่างๆ ของ Meta เช่น WhatsApp, Facebook และอีกมากมาย เบื้องต้น Meta AI ยังไม่เปิดทดสอบให้บุคคลทั่วไปในประเทศไทยได้ลองใช้งาน มีเพียงนักพัฒนาที่สามารถปรับแต่งและฝึกฝนโมเดลของตนเองผ่านการเพิ่มภาษาที่ Meta AI จะช่วยให้เข้าถึงผู้ใช้ได้มากขึ้น

“โมเดลแบบโอเพ่นซอร์สของ Llama จะช่วยให้นักพัฒนาสามารถปรับแต่งและฝึกฝนโมเดลของตนเอง รวมถึงรักษาความเป็นส่วนตัวของข้อมูล และช่วยพัฒนาระบบให้แข็งแกร่งได้ ทั้งนี้ ทีม Meta กำลังเร่งการทำงานขยายฟีเจอร์ให้ใช้ในหลากหลายภูมิภาคต่อไป”

สำหรับ Llama 3 405B รวมถึงการอัปเดตโมเดล 8B และ 70B ซึ่งขณะนี้รองรับภาษาไทยแล้ว Meta เชื่อว่าโมเดลโอเพ่นซอร์สนี้จะช่วยให้นักพัฒนาซอฟต์แวร์ชาวไทยสามารถสร้างนวัตกรรมใหม่สำหรับประเทศไทยได้มากขึ้น โดยนักพัฒนาสามารถเข้าถึงการใช้งานโมเดล Llama ได้ที่ https://llama.meta.com/

ฟีเจอร์ “Imagine Yourself” จะช่วยให้ผู้ใช้สร้างรูปภาพตนเองขึ้นมาใหม่ โดยสามารถเพิ่ม ลบ หรือเปลี่ยนองค์ประกอบในรูปได้ตามที่ต้องการ
นอกจาก Llama AI จะเพิ่มการรองรับภาษาไทยแล้ว Meta ยังจะจัดการอบรมและโครงการต่างๆ เพิ่มเติมและให้ทุนสนับสนุนมูลค่ารวม 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ สำหรับนักพัฒนาและองค์กรทั่วโลก รวมถึงในประเทศไทย โครงการแรกคือทุนสนับสนุน Llama 3.1 Impact Grants จาก Meta ซึ่งจะเปิดรับข้อเสนอโครงการต่างๆ ที่ใช้ Llama AI และฟีเจอร์อื่นๆ ในโมเดล เพื่อเสริมสร้างผลกระทบทางสังคมและเสนอแนะแนวทางแก้ไขปัญหาความท้าทายต่างๆ ทั่วโลก โดยมุ่งเน้นด้านการศึกษา สิ่งแวดล้อม และนวัตกรรมแบบเปิด (Open Innovation) 

กติกาคือ Meta จะเปิดรับสมัครสำหรับทุนสนับสนุน Llama 3.1 Impact Grants ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป องค์กรที่มีคุณสมบัติตรงตามเกณฑ์สามารถส่งข้อเสนอโครงการที่เล่าถึงการใช้ Llama 3.1 ในการแก้ไขปัญหาสังคมในชุมชน ผู้ชนะที่ได้รับคัดเลือกจะได้รับเงินทุนสนับสนุนโครงการสูงสุดถึง 500,000 ดอลลาร์สหรัฐ การประกาศผู้ชนะคาดว่าจะมีขึ้นในช่วงต้นปี พ.ศ.2568

Meta AI ยังไม่เปิดทดสอบให้บุคคลทั่วไปในประเทศไทยได้ลองใช้งาน มีเพียงนักพัฒนาที่สามารถปรับแต่งและฝึกฝนโมเดลของตนเอง ผ่านการเพิ่มภาษาที่ Meta AI จะช่วยให้เข้าถึงผู้ใช้ได้มากขึ้น
นอกจากนี้ Meta ยังทำโครงการ AI Accelerator Program สำหรับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เพื่อให้ความรู้ สร้างแรงบันดาลใจ และโอกาสในการสร้างเครือข่ายสำหรับนักพัฒนา AI ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ผู้ชนะที่ส่งข้อเสนอโครงการที่แสดงให้เห็นว่า Llama AI สามารถใช้แก้ไขปัญหาสังคมในประเทศได้ดีที่สุด จะได้เป็นตัวแทนประเทศเข้าร่วมการแข่งขัน Hackathon ออนไลน์ในสิงคโปร์ เพื่อชิงทุนพิเศษสูงสุด 100,000 ดอลลาร์สหรัฐเพื่อสนับสนุนโครงการ โดยโครงการที่มีศักยภาพสูงสุดจะได้รับการพิจารณาให้ได้รับรางวัลพิเศษมูลค่าถึง 500,000 ดอลลาร์สหรัฐเช่นกัน

ในประเทศไทย Meta ได้ร่วมมือกับสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (DEPA) สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (ETDA)AI Governance Clinic และสมาคมปัญญาประดิษฐ์ประเทศไทย (AIAT) เพื่อจัดการแข่งขันและคัดเลือกผู้ชนะระดับประเทศจำนวนหนึ่งรายเพื่อเข้าร่วมการแข่งขันระดับภูมิภาคในสิงคโปร์ ทั้งหมดนี้ทำคู่ไปกับการอบรมหลักสูตร AI สำหรับ SME ในประเทศไทย ผ่านความร่วมมือกับกระทรวงพาณิชย์ คาดว่าจะมีการเรียนรู้เครื่องมือและบริการด้าน AI ของ Meta อย่างจริงจังทั่วประเทศ


กำลังโหลดความคิดเห็น