Partipost ประเดิมให้บริการในไทยอย่างเป็นทางการ เชื่อมต่อแคมเปญการตลาดแบรนด์ เข้ากับคอนเทนต์ครีเอเตอร์ และอินฟลูเอนเซอร์ เพียงมีผู้ติดตามมากกว่า 200 คน ก็สามารถเข้าร่วมในแพลตฟอร์มได้ ผ่านคอนเซ็ปต์ ‘ถ่าย โพสต์ รับเงิน’
โจนาธาน เอ้ก ประธานกรรมการบริหารและผู้ก่อตั้ง Partipost กล่าวว่า จากพฤติกรรมในการเข้าถึงสื่อที่เปลี่ยนแปลงไปของผู้บริโภค แบรนด์ให้ความสำคัญกับไมโครอินฟลูเอนเซอร์และนาโนอินฟลูเอนเซอร์มากขึ้น เนื่องจากกลุ่มนี้สามารถสร้างอัตราการมีส่วนร่วม (Engagement Rate) ที่สูงกว่า และสร้างการเชื่อมต่อที่จริงใจกับกลุ่มผู้ชมได้
"จากข้อมูลในช่วงปีที่ผ่านมา พบว่า 64% ของผู้บริโภคเชื่อถือเนื้อหาที่สร้างจากผู้ใช้งานด้วยกันมากกว่าการสื่อสารของแบรนด์ เช่นเดียวกับความนิยมของเนื้อหาวิดีโอสั้นบนแพลตฟอร์มอย่าง TikTok Instagram Reels และ YouTube Shorts ควบคู่ไปกับการใช้งานไลฟ์สตรีมมิ่งที่เพิ่มมากขึ้นสำหรับการเปิดตัวสินค้า การถาม-ตอบ และกิจกรรมการชอปปิ้ง"
สำหรับประเทศไทย ประเภทคอนเทนต์ยอดนิยม 3 อันดับแรกของไทยได้แก่ 1.ความงามและแฟชั่น 2.ศิลปะและบันเทิง 3.อาหารและเครื่องดื่ม โดยภาพรวมของตลาด กลุ่มแบรนด์อาหารและเครื่องดื่มมีการใช้จ่ายงบประมาณสำหรับแคมเปญอินฟลูเอนเซอร์มากที่สุด โดยคิดเป็น 39% ของงบประมาณทั้งหมด ตามมาด้วยความงามและแฟชั่น 17.4% และหมวดหมู่แกดเจ็ตและยานยนต์ได้ก้าวขึ้นมาอยู่ในอันดับที่ 3 โดยครองส่วนแบ่งงบประมาณถึง 10.6%
"เป้าหมายของ Partipost ในประเทศไทย คือการเพิ่มจำนวนครีเอเตอร์ และอินฟลูฯ บนแพลตฟอร์มจาก 3,000 ราย เป็น 100,000 รายภายในสิ้นปีนี้ เช่นเดียวกับการเพิ่มปริมาณแบรนด์ที่เข้ามาร่วมทำแคมเปญบนแพลตฟอร์มด้วย"
โจนาธาน ระบุว่า Partipost ไม่ใช่แค่แพลตฟอร์มที่ใช้เงินจ่ายให้ KOL เพื่อสร้างคอนเทนต์ แต่ยังเป็นช่องทางให้บรรดาอินฟลูฯ หรือครีเอเตอร์สามารถใช้ในการสร้างการมีส่วนร่วมกับผู้ติดตาม ผ่านการสนับสนุนจากแบรนด์ที่เข้ามาเป็นพันธมิตรด้วย
ส่วนกลยุทธ์ในการทำให้ Partipost เป็นที่รู้จักในไทย จะเริ่มจากการทำงานร่วมกับทีมงานที่ดูแลตลาดในประเทศ เพื่อให้เข้าใจบริบท และวัฒนธรรม เนื่องจากตลาดครีเอเตอร์ในประเทศไทยถือว่ามีความเฉพาะตัว พร้อมกับการขยายการทำงานร่วมกับแบรนด์ เข้าไปสื่อสารในมหาวิทยาลัย เพื่อสร้างการเติบโตในระยะยาว