xs
xsm
sm
md
lg

นักเรียนอาเซียนแห่ใช้ Generative AI "ประเทศกำลังพัฒนา" ใช้มากกว่า "ประเทศพัฒนาแล้ว" 30%

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ดีลอยท์ (Deloitte) เผยสถิติการใช้ Generative AI ในเอเชียแปซิฟิก พบนักเรียนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 90% ขอใช้ AI ช่วยเรียน ด้าน "ประเทศกำลังพัฒนา" ใช้มากกว่า "ประเทศพัฒนาแล้ว" ถึง 30% ชูคนเจนใหม่ "ดิจิทัลเนทีฟ" เป็นผู้นำในการป้อนคำสั่งเพื่อให้ระบบปัญญาประดิษฐ์ช่วยตอบคำถามหรือนำทางการสร้างสรรค์งานให้ ชี้การนํา AI มาใช้ไม่ได้ส่งผลให้พนักงานสูญเสียงานโดยตรง แต่ผลกระทบจะเกิดขึ้นกับธุรกิจที่ไม่สามารถปรับตัว เพราะพนักงานอาจถูกดึงดูดไปยังธุรกิจคู่แข่งที่นำเสนอแอปพลิเคชัน AI ที่มีความสามารถออกแบบอนาคตของการทำงานสมัยใหม่ได้

คริส ลูวิน AI & Data Capability Leader ของ ดีลอยท์ เอเชียแปซิฟิก ให้ความเห็นเกี่ยวกับรายงานฉบับนี้ว่าหนึ่งในแง่มุมที่น่าตื่นเต้นที่สุดของการใช้ Generative AI (Gen AI) คือทั่วโลกมีการใช้งานในทุกที่และทุกเรื่อง สิ่งที่ดีลอยท์ได้พบเจอในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมาคือความท้าทายที่หลายบริษัทต้องเผชิญในอินโดนีเซีย หรืออินเดียนั้นมีความเกี่ยวข้องกับบริษัทในอิตาลีและไอร์แลนด์เกือบจะในทันที โดยบทเรียนสําคัญประการหนึ่งคือการนํา AI มาใช้ ไม่ได้ส่งผลให้สูญเสียงานโดยตรง แต่ผลกระทบจะเกิดขึ้นกับธุรกิจที่ไม่สามารถปรับตัว

"พนักงานของธุรกิจที่ไม่สามารถปรับตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนรุ่นใหม่ที่กำลังก้าวเข้าสู่แรงงาน จะถูกดึงดูดไปยังธุรกิจคู่แข่งที่นำเสนอแอปพลิเคชัน AI ที่มีความสามารถออกแบบอนาคตของการทำงานสมัยใหม่ได้"

สถิติการใช้ Generative AI ในเอเชียแปซิฟิกปี 2023 ถูกรวบรวมไว้ที่รายงานฉบับใหม่ของดีลอยท์ในชื่อ Generative AI in Asia Pacific: Young employees lead as employers play catch-up ตัวรายงานเน้นย้ำถึงบทบาทของบุคลากรรุ่นใหม่ที่เกิดและเติบโตในยุคดิจิทัล มีความเชี่ยวชาญในเรื่องเทคโนโลยี หรือที่เรียกว่า เจเนอเรชัน เอไอ (Generation AI) ซึ่งเป็นกลุ่มคนที่มีบทบาทในการผลักดันการนำ Generative AI มาใช้ ภาวะนี้ส่งผลให้เกิดทั้งโอกาสและความท้าทายใหม่สำหรับนายจ้างที่จะต้องปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงนี้

สถิติการใช้ Generative AI ในสิงคโปร์
รายงานของดีลอยท์ย้ำถึงความจำเป็นที่นายจ้างและผู้กำหนดนโยบายต้องปรับตัวให้เข้ากับเทคโนโลยีที่พัฒนาอย่างรวดเร็ว โดยการสำรวจประชากรในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกจำนวน 11,900 คน พบว่า เจเนอเรชัน เอไอ เป็นผู้นำในการนำ Generative AI มาใช้ ซึ่งช่วยลดเวลาในการทำงาน สร้างโอกาสในการพัฒนาทักษะใหม่ ช่วยจัดการภาระงานและเพิ่มประสิทธิภาพได้อย่างยั่งยืนมากขึ้น

1 ใน 6 ประเด็นสำคัญจากรายงาน ชี้ว่าเจเนอเรชัน เอไอ เป็นผู้นำทั่วทั้งภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก กลุ่มคนรุ่นใหม่ที่เป็นนักเรียนและพนักงานเป็นผู้นำในการนำ Gen AI มาใช้ แต่คนกลุ่มนี้มีเพียงครึ่งเดียวเท่านั้นที่เชื่อว่าหัวหน้างานรู้ว่ามีการใช้ Gen AI มาช่วยในการทำงาน

ประเด็นที่ 2 คือผลกระทบที่สำคัญ ดีลอยท์พบว่าในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก Gen AI อาจสร้างผลกระทบที่สำคัญต่อเวลาในการทำงาน ถึง 17% หรือเท่ากับ 1,100 ล้านชั่วโมง ในแต่ละปี ประเด็นที่ 3 คือลำดับชั้นเทคโนโลยีแบบเดิมอาจถูกผละกระทบ เนื่องจากทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก การนำ Gen AI ไปใช้ในประเทศที่กำลังพัฒนามีอัตราที่สูงกว่าประเทศที่พัฒนาแล้วถึง 30%

ประเด็นที่ 4 คือประโยชน์ต่อพนักงาน เพราะผู้ใช้ Gen AI สามารถประหยัดเวลาได้ประมาณหนึ่งวันต่อสัปดาห์ (6.3 ชั่วโมง) ช่วยให้พนักงานสามารถจัดสรรเวลาเพื่อพัฒนาทักษะใหม่ ประเด็นที่ 5 คือการประหยัดเวลา Gen AI ช่วยลดภาระงานและเพิ่มประสิทธิภาพในการทํางานอย่างยั่งยืนมากขึ้น โดย 41% ของผู้ใช้งานเชื่อว่า Gen AI ช่วยทำให้สมดุลระหว่างชีวิตส่วนตัวและการทํางานของพวกเขาดีขึ้น

ประเด็นที่ 5 คือด้านจัดการความเสี่ยง โดย 3 ใน 4 ขององค์ธุรกิจยังตามหลังพนักงานในแง่ของการนำ Gen AI มาใช้

การสำรวจพบว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจใน 18 อุตสาหกรรมหลักของเอเชียแปซิฟิกมูลค่า 5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ จะเผชิญกับผลกระทบจาก AI อย่างรวดเร็วและรุนแรง โดยมี 4 อุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบชัดเจน ได้แก่ การเงิน ไอซีทีและสื่อ บริการวิชาชีพ และการศึกษา ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนเฉลี่ย 1 ใน 5 ของเศรษฐกิจในแต่ละตลาดของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ซึ่งคาดว่าจะเติบโตขึ้นอีก เนื่องจากบางตลาดมุ่งเน้นไปที่อุตสาหกรรมบริการมากขึ้น เช่น บริการวิชาชีพ การเงิน และไอซีที ซึ่งล้วนเป็นอุตสาหกรรมที่จะได้รับผลกระทบสูง

นอกจากนี้ อุตสาหกรรมเหล่านี้ยังเป็นอุตสาหกรรมที่นักเรียนนักศึกษามากกว่า 40% ที่ใช้ gen AI วางแผนที่จะเริ่มต้นอาชีพ ซึ่งยิ่งส่งผลเร่งให้อัตราการเปลี่ยนแปลงเร็วขึ้น

นักเรียนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 90% ขอใช้ AI ช่วยเรียน
จากการวิเคราะห์ผลการวิจัย ดีลอยท์แนะนำให้บริษัทพัฒนาและวางกลยุทธ์ในการนำ Gen AI มาใช้งาน ซึ่งจะนำพาพนักงานในบริษัทไปสู่การเปลี่ยนแปลงนี้ร่วมกัน โดยควรส่งเสริมให้พนักงานในบริษัทสร้างเส้นทางในการเรียนรู้ AI ขณะเดียวกัน บริษัทควรพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านข้อมูลของบริษัทอย่างต่อเนื่องตามความจำเป็นเพื่อรองรับ Gen AI

"แทนที่จะใช้ AI เพียงเพื่อทําให้งานปัจจุบันมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซีอีโอและผู้นําระดับสูง จําเป็นต้องใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อทบทวนกระบวนการและรูปแบบธุรกิจของบริษัทใหม่ทั้งหมด การปรับโครงสร้างของงาน เพื่อให้สามารถใช้ Gen AI จะทําให้พนักงานและลูกค้ามีความสุขมากขึ้น ในขณะเดียวกัน ช่วยเพิ่มผลกําไรอีกด้วย" รอบ ฮิลยาร์ด Consulting Business Leader ดีลอยท์ เอเชียแปซิฟิก กล่าว

ศมกฤต กฤษณามระ Risk Advisory Leader ของดีลอยท์ ประเทศไทย ทิ้งท้ายถึงความจำเป็นของการกำหนดแนวทางการใช้อย่างรับผิดชอบ ซึ่งจะสร้างความเชื่อมั่นว่าเทคโนโลยีนี้ถูกนำไปใช้ในทางที่ถูกต้อง

"ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีการใช้ Generative AI อย่างแพร่หลาย ทั้งในกลุ่มนักเรียน นักศึกษา และพนักงาน มีแอปพลิเคชันใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นทุกวัน ซึ่งเป็นผลจากการที่มีผู้ใช้งานเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก นี่คือโอกาสที่สำคัญอย่างยิ่งสำหรับภาคธุรกิจและภาคการศึกษา แต่การที่ Gen AI ถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายและรวดเร็วเช่นนี้ต้องอาศัยวิธีการรับมือเชิงรุก นั่นคือการกำหนดแนวทางการใช้อย่างรับผิดชอบ ซึ่งจะสร้างความเชื่อมั่นว่าเทคโนโลยีนี้ถูกนำไปใช้ในทางที่ถูกต้อง และช่วยผลักดันให้ภูมิภาคนี้สามารถใช้ประโยชน์จากพลังอันมหาศาลของ Gen AI ได้"

นักเรียนในญี่ปุ่นเพียง 55% ที่ใช้ GenAI ช่วยเรียน


กำลังโหลดความคิดเห็น