กสทช. กำชับโอเปอเรเตอร์ระงับสัญญาณซิมเถื่อน หลังครบกำหนดยืนยันตัวตนผู้ที่ถือครองซิมมากกว่า 101 เลขหมาย เมื่อ 14 ก.พ.ที่ผ่านมา พร้อมเดินหน้าประสานตำรวจเอาผิดผู้ที่สวมชื่อเปิดใช้งานซิมผี
พล.ต.อ.ดร.ณัฐธร เพราะสุนทร กสทช.ด้านกฎหมาย และประธานอนุกรรมการบูรณาการบังคับใช้กฎหมายความผิดทางเทคโนโลยี กล่าวว่า จากแนวคิดในการจัดระเบียบซิมการ์ด โดยเฉพาะหมายเลขในระบบเติมเงิน ที่ไม่มีการลงทะเบียนผู้ใช้งานจริง หรือลงทะเบียนด้วยข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง มีการปลอมแปลงเอกสารในการจดทะเบียนซิม
โดย กสทช. ได้ออกมาตรการยืนยันตัวตนและข้อมูลเกี่ยวกับการใช้บริการของผู้ใช้บริการที่ถือครองซิมการ์ด มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 16 มกราคม 2567 ที่ผ่านมา กำหนดให้ผู้ถือครองซิมการ์ดตั้งแต่ 6-100 หมายเลข ให้ยืนยันตัวตนภายใน 180 วัน และ ผู้ที่ถือครองซิมการ์ด 101 หมายเลขขึ้นไป ให้ยืนยันตัวตนภายใน 30 วัน
ขณะนี้ในส่วนกลุ่มที่สอง (ผู้ที่ถือครองซิมการ์ด 101 หมายเลขขึ้นไป) ได้ครบกำหนดแล้วเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2567 ที่ผ่านมา กสทช. จึงได้ประชุมเร่งรัดให้ผู้ประกอบการทุกค่ายดำเนินการระงับบริการตามเงื่อนไข ทั้งในส่วนของการโทร.ออก การส่งข้อความ SMS และการใช้งานอินเทอร์เน็ต จะอนุญาตเพียงการโทร.เบอร์ฉุกเฉินเท่านั้น
ทั้งนี้ สถิติของผู้ประกอบการที่รายงานมายัง กสทช. มีสถิติผู้ที่ถือครองซิมการ์ด 101 หมายเลขขึ้นไปมายืนยันตัวตน พบว่าเครือข่ายเอไอเอสยืนยันตัวตนแล้วราว 58.56% ทรู-ดีแทค 35% และเอ็นที 23.14%
จากการตรวจสอบพบว่า หมายเลขบางส่วนที่ยังไม่ได้มายืนยันตัวตน จะเป็นซิมที่ติดตั้งอยู่ในอุปกรณ์ต่างๆ ที่ไม่ได้รัยข้อความ SMS แจ้งเตือน และบางส่วนเชื่อได้ว่าเป็นซิมเถื่อนที่อยู่ในมือแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และอาชญากรออนไลน์อื่น ซึ่งไม่กล้ามาแสดงตัวเพื่อยืนยันตน
“กลุ่มนี้เป็นเป้าหมายของมาตรการดังกล่าว ในที่ประชุมได้กำชับให้ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ทุกค่ายเริ่มระงับการใช้ตั้งแต่วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2567 เป็นต้นไป ก่อนเพิกถอนการใช้ออกจากระบบต่อไป”
นอกจากนี้ ที่ผ่านมาได้พบว่ามีบุคคลบางกลุ่ม มีพฤติการณ์ปลอมแปลงเอกสาร หรือปลอมบัตรประชาชนในการจดทะเบียนซิมการ์ดโดยมิชอบ ใช้บัตรประชาชนของผู้อื่น หรือลงทะเบียนด้วยข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง
กสทช. ได้ประสานการทำงานกับผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ทุกค่ายอย่างใกล้ชิดและได้ส่งข้อมูลให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดต่อไป โดยการปลอมและใช้เอกสารราชการปลอม ปลอมบัตรและใช้หรือแสดงบัตรปลอม และอาจเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ด้วย ขบวนการเหล่านี้ถือเป็นต้นตอของปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่กำลังแพร่ระบาดอยู่ในปัจจุบัน ต้องถูกดำเนินคดีและกำจัดให้หมดไป