รมว.ดีอี เผยหลังตัดสินใจลาออกจาก ส.ส. บัญชีรายชื่อ มุ่งงานในกระทรวงดีอี หวังผลักดันรัฐบาลดิจิทัลให้เกิดให้ได้ พร้อมอีก 2 ประเด็นใหญ่คือ นโยบายใช้คลาวด์เป็นหลัก (Cloud First Policy) และซูเปอร์แอป One ID รวมศูนย์บริการภาครัฐให้ประชาชนเข้าถึงได้
นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) กล่าวถึงการทำงานของกระทรวงดีอี ในปีนี้จะเน้นไปที่ 3 เรื่องหลักคือ 1.ภารกิจเปลี่ยนสู่รัฐบาลดิจิทัล 2.นโยบายการใช้คลาวด์เป็นหลักของระบบคลาวด์กลางภาครัฐ และ 3.การทำบัญชีดิจิทัล (One Citizen ID) หรือ Digital ID
“ในเรื่องของการใช้งานคลาวด์กลางภาครัฐ ตอนนี้อยากให้ทุกกระทรวงอย่าเพิ่งทำการจัดซื้อจัดจ้าง เพราะถ้าเกิดมีการรวมศูนย์มาใช้งานคลาวด์เป็นหลัก จะเป็นโอกาสของกระทรวงดีอี ในการผลักดันให้เกิดรัฐบาลดิจิทัลขึ้นได้ และจะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของประเทศนี้”
ขณะเดียวกัน ในเรื่องของการทำไทยแลนด์ ซูเปอร์แอปที่จะรวมบริการต่างๆ ของภาครัฐไม่เกิน 300 บริการเข้ามาให้ประชาชนเข้าถึงได้ กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาระบบบัญชียืนยันตัวตนดิจิทัลที่มีอยู่มาปรับใช้งานให้เหมาะสม
“ตอนนี้ไทยมีระบบบัญชีดิจิทัลทั้งหมด 4 ระบบหลักๆ คือ ThaiD ของกระทรวงมหาดไทย ที่ปัจจุบันมีผู้ลงทะเบียนใช้งานกว่า 12 ล้านคน ที่เหลือคือเป๋าตัง หมอพร้อม และ NDID ซึ่งกลายเป็นว่าระบบอย่างเป๋าตัง และหมอพร้อม เมื่อไม่มีโครงการคนละครึ่ง หรือโควิดคนก็จะไม่ได้ใช้งาน”
ทำให้ในปีนี้จะทำการพัฒนาให้ระบบยืนยันตัวตนดิจิทัลนี้กลายมาเป็น One Citizen ID ที่เป็นระบบเดียวให้ได้ ซึ่งอยู่ระหว่างการดำเนินการร่วมกับสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (DGA)
ทั้งนี้ การลาออกจาก ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทยของ นายประเสริฐ จะมีผลในวันที่ 15 มกราคมนี้ เพื่อเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ของพรรคได้เข้ามาทำงาน และหันมาโฟกัสกับงานในกระทรวงดีอีให้เต็มที่มากขึ้น