หัวเว่ยควงกระทรวงดีอี จับมือเซ็น MOU ในงาน Huawei Cloud AI Summit Thailand 2023 วางแผนปั้นพื้นฐานคลาวด์สำหรับยุคแห่งปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในประเทศไทย มั่นใจยกระดับการใช้งานคลาวด์และ AI ในไทย ดันประเทศเป็นศูนย์กลาง AI แห่งอาเซียนสำเร็จด้วยแผน 4 ด้าน ยิงยาวพัฒนาคนไทย 2 หมื่นคนใน 3 ปี
นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กล่าวว่ากระทรวงดีอีกำลังให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อนนโยบาย คลาวด์-เฟิร์ส (Cloud-First policy) อีกกลไกขับเคลื่อนการเติบโตรูปแบบใหม่ของไทยซึ่งจะทำให้คลาวด์และ AI เป็นอนาคตของประเทศ โดยดีอีและหัวเว่ยพร้อมเต็มที่ในการร่วมมือสนับสนุนการสร้างอีโคซิสเต็มทางดิจิทัลสำหรับเทคโนโลยีคลาวด์และ AI ให้กับหน่วยงานไทย
"ถึงเวลาแล้วที่เราต้องทำจริงจัง ไม่เช่นนั้นเราอาจจะถดถอยลง ทั้งเรื่องการส่งเสริมทักษะ การเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล และการส่งเสริมนวัตกรรม ทั้งหมดนี้ ท่านนายกฯ พยายามใช้เทคโนโลยีขับเคลื่อนสังคม เราพยายามใช้นวัตกรรมในการเพิ่มรายได้ ลดรายจ่าย ให้พี่น้องประชาชนเข้าถึงโลกดิจิทัลได้มากขึ้น ดีอีจึงรับนโยบายมาทำ ยกระดับหลายด้านรวมถึงดาต้าเซ็นเตอร์ เราคาดหวังให้ไทยเป็นศูนย์กลางดาต้าเซนเตอร์อาเช๊ยน และเรื่อง AI ก็หวังให้ไทยสร้าง AI ป้อนตลาดโลกได้"
ความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐกับเอกชนอย่างหัวเว่ยนี้ คาดว่าจะช่วยส่งเสริมประเทศไทยสู่การเป็นหนึ่งในศูนย์กลางเทคโนโลยี AI ของภูมิภาค โดยในงานประชุม Huawei Cloud AI Summit Thailand 2023 มีการลงนามร่วมกันในบันทึกความเข้าใจ (MoU) เพื่อการพัฒนาทางดิจิทัลระหว่างหัวเว่ย คลาวด์ และกระทรวงดิจิทัล ท่ามกลางกองทัพผู้บริหารระดับสูงจากหน่วยงานภาครัฐ ผู้เชี่ยวชาญในภาคอุตสาหกรรม และพันธมิตรในไทย รวมถึงจากองค์กรธุรกิจในจีนเข้าร่วมหลักร้อยคน
เนื้อหา MOU นั้นครอบคลุม 4 ด้าน ได้แก่ การสร้างปัญญาประดิษฐ์สำหรับประเทศไทย การร่วมมือผลักดันเศรษฐกิจดิจิทัลในไทย การอบรมบุคลากรไทยให้มีทักษะดิจิทัลที่ดีขึ้น และการเชิญชวนพันธมิตรการค้าของหัวเว่ย ให้เข้ามาลงทุนและสร้างฐานเทคโนโลยีให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในไทย คาดว่า MOU นี้จะขยายผลไปสู่ความร่วมมือที่เหนียวแน่นขึ้นในอนาคต
นายเดวิด หลี่ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จำกัด ย้ำถึงพันธกิจของหัวเว่ย คลาวด์ ในการขับเคลื่อนการใช้งานเทคโนโลยีระบบคลาวด์และ AI ในประเทศไทยว่า หัวเว่ย คลาวด์ ยังคงมุ่งลงทุนในการสร้างอีโคซิสเต็มคลาวด์และเสริมประสิทธิภาพในประเทศ โดยการสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่แข็งแกร่งในประเทศไทยและโครงสร้างพื้นฐาน AI สำหรับรัฐบาลและองค์กร คาดว่าหัวเว่ย คลาวด์ จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งด้านดิจิทัลของไทยผ่านเทคโนโลยี AI ซึ่งจะส่งผลให้มีการใช้งาน AI อย่างแพร่หลายในอุตสาหกรรมต่าง ๆ พร้อมสร้างประโยชน์อย่างยิ่งต่อคนไทยและส่งเสริมความก้าวหน้าทางดิจิทัลของประเทศ
"เรามีข้อเสนอเพื่อให้ไทยไปได้ในระดับโลก ประเทศไทยมีความสามารถในการปรับตัวเข้ากับเทคโนโลยีใหม่ได้เร็ว สำหรับ AI นั้นควรนำมาใช้กับอุตสาหกรรมเพื่อลดต้นทุนและเพิ่มคุณค่า โดยการพัฒนาทั้งระบบอีโคซิสเต็มจะทำให้มีการรวมเข้ากับนวัตกรรม AI ที่มีอยู่ทั่วโลกได้ง่าย ทำให้เกิดความชัดเจน โปร่งใส และเกิดการพัฒนาคุณค่าได้มาก รวมถึงช่วยเรื่องการรักษาความปลอดภัยไซเบอร์ได้ ขณะเดียวกัน ไทยยังร่ำรวยเรื่องศิลปวัฒนธรรม ซึ่งไม่ควรเปลี่ยนไป เราเชื่อว่าจะเอาเทคโนโลยีมาผสานได้ สามารถนำเอา AI มาโปรโมทการท่องเที่ยว ช่วยส่งเสริมเรื่องความเป็นไทย และอีกหลายทางที่จะผลักดันให้ประเทศไทยสามารถขยับจากการเป็นผู้ใช้มาเป็นผู้สร้าง เชื่อว่าจะเป็นฮับของ AI ได้แน่นอน"
งานประชุมนี้มีการโชว์เทคโนโลยีล้ำสมัยของหัวเว่ยที่มีความเฉพาะตัวสำหรับประเทศไทย ทั้งโมเดลสำหรับภาษาไทย ระบบพยากรณ์สภาพอากาศ และระบบ AI สำหรับรัฐบาล รวมถึงโซลูชัน AI สำหรับภาคการเงินและภาคค้าปลีก ทั้งหมดยังอยู่ระหว่างการพัฒนา ซึ่งหัวเว่ยยังไม่มีการประกาศกรอบเวลาใช้งานจริงในขณะนี้.