กลายเป็นความท้าทายสำหรับบริษัทเทคโนโลยีในการพัฒนาอย่างยั่งยืนทางด้านสิ่งแวดล้อม ตัวเลขที่เพิ่มขึ้นนี้มาจากการเติบโตของโลกดิจิทัลที่ทำให้เกิดการใช้งานผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ในจำนวนมากขึ้น
ข้อมูลจาก UN’s Global E-Waste Monitor 2020 พบว่าขยะอิเล็กทรอนิกส์หลายล้านตันที่เกิดขึ้น มีขยะเพียงร้อยละ 20 เท่านั้นที่ถูกรวบรวมเพื่อส่งต่อไปรีไซเคิลอย่างเหมาะสม จากข้อมูลประมาณการว่ามีขยะอิเล็กทรอนิกส์ในแต่ละปีกว่า 50 ล้านตัน ซึ่งชิ้นส่วนหลายชิ้นไม่สามารถย่อยสลายตามธรรมชาติได้
ผลักดันระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy)
เอซุส จึงให้ความสำคัญกับเรื่องระบบเศรษฐกิจหมุนเวียนเพื่อช่วยลดจำนวนขยะที่ไม่จำเป็น นับรวมถึงการปล่อยมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม และสนับสนุนการสร้างโมเดลธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเลือกวัสดุ Eco-friendly การออกแบบผลิตภัณฑ์ให้มีน้ำหนักเบาและมีอายุการใช้งานที่ยาวขึ้น รวมถึงการรีไซเคิลและการนำกลับมาใช้ซ้ำ การให้บริการในรูปแบบการเช่าซื้อผลิตภัณฑ์ เป็นต้น
นับตั้งแต่ปี 2019 เป็นต้นมา เอซุสได้ทำการรีไซเคิลขยะอิเล็กทรอนิกส์ไปแล้วกว่า 40,000 ตัน พร้อมตั้งเป้ารีไซเคิลผลิตภัณฑ์เอซุสทั่วโลกให้ได้อย่างน้อย 20% รวมถึงเพิ่มการใช้ผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมให้ได้ 100% ภายในปี 2025
เอซุสยังได้พัฒนาการออกแบบผลิตภัณฑ์ให้สามารถนำกลับไปใช้ซ้ำให้เกิดประโยชน์สูงสุด ที่ยึดตัวโน้ตบุ๊กในกล่องบรรจุภัณฑ์สามารถนำมาประกอบเป็นขาตั้งสำหรับวางตัวเครื่อง เพื่อยกตัวโน้ตบุ๊กให้ใช้งานได้สะดวกขึ้นตามหลัก Ergonomics วัสดุในกล่องบรรจุภัณฑ์นั้นยังผลิตมาจากเยื่อกระดาษรีไซเคิล ช่วยลดการใช้พลาสติกอีกด้วย
ที่ผ่านมา โน้ตบุ๊กธุรกิจอย่าง ExpertBook B9 ผ่านมาตรฐาน ISO 14067 ซึ่งเป็นมาตรฐานการวัดปริมาณก๊าซเรือนกระจกของผลิตภัณฑ์ พร้อมเดินหน้าทำงานเพื่อลดผลกระทบ และลดการปล่อยมลพิษต่อสิ่งแวดล้อมเพื่อสร้างโลกที่ดียิ่งขึ้น
โดยการตั้งเป้าหมายตาม SBT เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เพื่อมุ่งสู่การลดโลกร้อนได้อย่างเป็นรูปธรรมตาม 3 กลยุทธ์ ได้แก่ การปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงาน การใช้พลังงานหมุนเวียน และการลงทุนด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อเป็นองค์กรที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ (Net-Zero)
ทั้งนี้ เอซุสได้ประสบความสำเร็จในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงได้ 24% ในปี 2022 พร้อมเพิ่มเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้ได้ 30% ภายในปี 2025 ด้วยความรับผิดชอบขององค์กรที่เดินหน้าลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้ครอบคลุมมากที่สุดเพื่อแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลก และเพื่อพัฒนาสิ่งแวดล้อมสู่ความยั่งยืนที่แท้จริง