xs
xsm
sm
md
lg

RAAS PAL เจาะตลาดหุ่นยนต์บริการครบวงจร ตั้งเป้ายอดขาย 250 ล้านบาท

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“ราส พอล” จับเทรนด์หุ่นยนต์บริการ (Service Robots) ช่วยดูแลผู้สูงอายุ ในช่วงสภาวะแรงงานขาดแคลน หลังระดับราคาเริ่มต้นลงมาอยูที่เดือนละ 6,500 บาท พร้อมขยายตลาดเพิ่มสู่ระดับภูมิภาค ตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 200-250 ล้านบาท

สุกัญญา วนิชจักรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และผู้ก่อตั้งบริษัท ราส พอล จำกัด หรือ RAAS PAL กล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมา 3 ปี ตลาดหุ่นยนต์บริการมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องซึ่งเป็นผลสืบเนื่องมาจากปัญหาการขาดแคลนแรงงานเฉพาะด้าน เป็นแรงงานที่อาจจะขาดการเติบโตในสายงาน เช่น งานส่งของ งานทำความสะอาด จึงเป็นโอกาสที่ทำให้ตลาดหุ่นยนต์ทำงานร่วมกับคนเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นได้

ทำให้หลายองค์กรจึงเริ่มปรับแผนการทำงานให้หุ่นยนต์เข้ามามีบทบาทมากขึ้น โดยให้เหตุผลว่า หุ่นยนต์มี Reliability ที่สูงกว่าและสามารถวัดผลการทำงานได้ชัดเจน ทำให้การวางแผนงานแต่ละวันมีโอกาสเบี่ยงเบนน้อยลง นอกจากหุ่นยนต์ทั้ง 2 ประเภทดังกล่าวแล้ว ราส พอลยังเตรียมนำเข้าหุ่นยนต์ทำอาหารภายในปลายปีนี้ หลังนำเข้าหุ่นยนต์ตรวจการณ์เมื่อเดือนที่ผ่านมา

ปัจจุบันตลาดผู้ใช้บริการนอกจากจะมองหาหุ่นยนต์บริการรุ่นใหม่ๆ ที่ทำหน้าที่อื่นๆ ได้อีก ยังมีการถามถึงระบบ Facility Management Solutions Platform ซึ่งเป็นระบบที่จะช่วยทำให้การทำงานร่วมกันระหว่างคนกับหุ่นยนต์รวมไปถึงอุปกรณ์ IoT ทำให้สามารถติดตามประเมินงาน เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดด้วย

อีกปัจจัยที่ทำให้ตลาดหุ่นยนต์บริการเติบโตเพิ่มมากขึ้น คือ ราคาค่าบริการที่ลดลงและเข้าถึงได้ง่ายขึ้น เพราะเมื่อตลาดเปิดรับการใช้งานมากขึ้นกับราคาหุ่นยนต์ปัจจุบันในตลาดลดลงมาถึงเดือนละแค่ประมาณ 6,500 บาท ทำให้เข้าถึงและเป็นที่นิยมมากขึ้น


“RAAS PAL ได้มีการเปลี่ยนแปลงจากเดิมที่เป็นคนขายหุ่นยนต์ มาเป็นการบริหารจัดการเรื่องโซลูชัน ให้ลูกค้าพร้อมพ่วงระบบบริหารจัดการ และทำออโตเมชันที่ตอบโจทย์ของแต่ละหน่วยงาน พร้อมกับตั้งเป้าหมายยอดขายไว้ที่ 200-250 ล้านบาท”

ปัจจุบัน RAAS PAL มีหุ่นยนต์บริการจำหน่าย 4 ประเภท คือ หุ่นยนต์ทำความสะอาด (Cleaning Robots) หุ่นยนต์ส่งของ (Delivery Robots) หุ่นยนต์ตรวจการณ์ (Security Robots) และยังมีแผนจะนำเข้าหุ่นยนต์ทำอาหาร (Cooking Robots) มาทำตลาดภายในปลายปีนี้ โดยทำตลาดในประเทศไทยไปแล้วประมาณ 1,500 ตัว ให้บริการในสนามบิน ร้านอาหารชื่อดัง อาคารสำนักงานต่างๆ หน่วยงานราชการ โรงพยาบาล มหาวิทยาลัย

“เทรนด์ของสังคมผู้สูงอายุทำให้ในอนาคต การมีหุ่นยนต์มาทำงานควบคู่กับคน โดยเฉพาะคนสูงวัยที่ยังต้องทำงานอยู่ แต่ปรับการทำงานด้านการใช้แรงงานมาเรียนรู้การใช้งานหุ่นยนต์ รวมไปถึงการดูแลการควบคุมการทำงานของหุ่นยนต์ ให้มาสนับสนุนการทำงานในฟังก์ชันที่เกินกำลังคน หรือกำลังที่ผู้สูงอายุจะทำได้ ส่วนคนก็ไปทำงานในจุดที่หุ่นยนต์ปัจจุบันไม่สามารถทำได้”

ที่สำคัญงานที่ใช้หุ่นยนต์หรือระบบ Automation นั้นสามารถวัดในเรื่องประสิทธิภาพ และคุณภาพในการทำงานได้ ทำให้เราสามารถติดตาม วางแผน และประเมินผ่านระบบ Cloud Platform ของหุ่นยนต์เอง หรือผ่านระบบ Facility Management Platform ที่เรามีใช้ร่วมกันได้ จะทำให้ภาพรวมของงานทั้งหมดเกิดประโยชน์สูงสุด


กำลังโหลดความคิดเห็น