กลุ่มทรู รายงานผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2566 โดยนับเป็นระยะเวลา 6 เดือนหลังการควบรวม รายได้จากการให้บริการหลัก 39,840 ล้านบาท มาจากบริการ และการขายสินค้าที่เติบโตขึ้น โดยมียอดผู้ใช้งานโทรศัพท์มือถือ 51.4 ล้านราย ทรูออนไลน์ 3.8 ล้านราย
นายมนัสส์ มานะวุฒิเวช ประธานคณะผู้บริหาร บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า นับเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่ผลประกอบการทางการเงินของทรู คอร์ปอเรชั่น ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องในไตรมาสที่ 3 ภายหลังจากการควบรวมทรูดีแทคผ่านไป 6 เดือน ซึ่งผลประกอบการดังกล่าวไม่เพียงทำได้ตามเป้าหมาย แต่นับว่ามากเกินกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้
ณ สิ้นไตรมาส 3 ปี 2566 ฐานลูกค้าผู้ใช้งานโทรศัพท์มือถืออยู่ที่ 51.4 ล้านราย โดยเป็นลูกค้าเติมเงิน 35.7 ล้านราย เพิมขึ้น 3 แสนราย ในขณะที่ลูกค้ารายเดือนทรงตัวอยู่ที่ 15.7 ล้านราย โดยรายได้เฉลี่ยต่อผู้ใช้บริการ (ARPU) ของลูกค้าเติมเงินอยู่ที่ 104 บาทต่อเดือน ในขณะที่ ARPU รายเดือนอยู่ที่ 417 บาทต่อเดือน มาจากการปรับตัวมาใช้บริการ 5G
ส่วนในธุรกิจทรูออนไลน์ลูกค้าใช้งานทรงตัวที่ 3.8 ล้านราย ARPU เพิ่มขึ้นเป็น 477 บาทต่อเดือน ส่วนทรูวิชันส์ อยู่ที่ 1.4 ล้านราย โดน ARPU ลดลงเหลือ 278 บาทต่อเดือน ขณะที่ผู้ใช้งานดิจิทัลรายเดือน (MAU) อยู่ที่ 39 ล้านราย เพิ่มขึ้นราว 7% จากไตรมาสก่อน
สำหรับรายได้รวมรายได้จากบริการไม่รวมค่าเชื่อมต่อโครงข่าย หรือ IC (การจัดประเภทใหม่) จำนวน 39,840 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.4% จากไตรมาสก่อนหน้า ธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่อยู่ที่ 31,540 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.4% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน ส่วนธุรกิจออนไลน์รายได้ 5.910 ล้านบาท ลดลง 0.4% ธุรกิจโทรทัศน์บอกรับสมาชิกรายได้ 1,660 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.8% จากไตรมาสก่อน EBITDA ไตรมาส 3 ปี 2566 อยู่ที่ 21,443 ล้านบาทตามรายงาน และ 21,490 ล้านบาท ภายหลังการปรับปรุง
ทั้งนี้ ในไตรมาส 3 ปี 2566 ทรู คอร์ปอเรชั่น ประสบความสำเร็จากการรับรู้ผลประโยชน์จากการควบรวมขั้นต้น (Gross Synergies) จำนวน 6.6 พันล้านบาท และค่าใช้จ่ายเพื่อให้ได้มาซึ่งประโยชน์จากการควบรวม (Integration costs) จำนวน 2.2 พันล้านบาท ส่งผลให้ผลประโยชน์จากการควบรวมสุทธิ (Net Synergies) เป็นจำนวน 4.4 พันล้านบาท
การรับรู้ผลประโยชน์จากการควบรวมในปี 2566 เป็นประโยชน์ต่องบลงทุน (Capex) และเป็นผลเชิงบวกที่เกี่ยวข้องกับ EBITDA จำนวน 1.2 พันล้านบาท ทั้งนี้ค่าใช้จ่ายเพื่อให้ได้มาซึ่งประโยชน์จากการควบรวม (Integration costs) ที่เกิดขึ้น จำนวน 1.5 พันล้านบาทเกี่ยวข้องกับการพัฒนาองค์กรให้ทันสมัย
ในขณะที่ส่วนที่เหลือเป็นงบลงทุน (Capex) การดำเนินการตามแผนการรวมโครงสร้างเสาสัญญาณระบบโครงข่ายเดียว (Single Grid) ประกอบกับกระบนการเพื่อให้ได้มาซึ่งประโยชน์จากการควบรวมได้เริ่มต้นตั้งแต่เดือนกันยายน และในช่วงระยะเวลา 1 เดือนมากกว่า 300 เสาสัญญาณถูกรวบรวมเป็นระบบโครงข่ายเดียว (เทียบกับเป้าหมาย 2,200 เสาสัญญาณ ในปี 2566) โดยมีการยกเลิก 100 เสาสัญญาณ (เทียบกับเป้าหมาย 1,800 เสาสัญญาณ ในปี 2566) ส่งผลให้ได้ประโยชน์จากการประหยัดค่าเช่า ทั้งนี้ ค่าใช้จ่ายเพื่อให้ได้มาซึ่งประโยชน์จากการควบรวม (Integration Costs)