xs
xsm
sm
md
lg

อาลีบาบาชี้ผู้บริโภคพร้อมแก้ปมสิ่งแวดล้อม แต่ติดที่ราคา-ขาดข้อมูล

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



อาลีบาบา กรุ๊ป เผยผลงานวิจัยพบอุปสรรคสำคัญที่ทำให้ผู้บริโภคไม่ซื้อสินค้าที่ให้ความสำคัญกับความยั่งยืนเพิ่มขึ้น คือ การขาดข้อมูลและราคาที่สูงเกินไป ระบุภาคธุรกิจมีบทบาทสำคัญในการช่วยให้ผู้บริโภคตัดสินใจเลือกสินค้าที่ให้ความสำคัญกับความยั่งยืนได้ง่ายขึ้น และได้รับความไว้วางใจจากผู้บริโภคมากขึ้น ขณะที่รายงาน ESG ฉบับล่าสุดของอาลีบาบา กรุ้ป เผยให้เห็นว่าผู้บริโภคกว่า 180 ล้านคน มีส่วนร่วมลดการปล่อยคาร์บอนผ่านแพลตฟอร์มบัญชีแยกประเภทคาร์บอนของอาลีบาบา

นายหลิว เว่ย หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์ด้าน ESG ของอาลีบาบา กรุ๊ป กล่าวว่าในฐานะที่อาลีบาบาเป็นบริษัทด้านดิจิทัลแพลตฟอร์ม บริษัทมีจุดยืนที่เป็นเอกลักษณ์และให้คำมั่นที่จะจัดการความท้าทายที่เกี่ยวกับความแตกต่างระหว่างสิ่งที่พูดกับสิ่งที่ทำได้จริงในทางปฏิบัติ (say-do gap) ด้วยการลดอุปสรรคที่จะกระทบต่อความสะดวกด้านต่างๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับสินค้าที่เน้นความยั่งยืน เพิ่มทางเลือกด้านความยั่งยืนให้มากขึ้น และปรับปรุงซัปพลายเชนต่างๆ เพื่อให้คงราคาที่สมเหตุสมผลให้ผู้บริโภค 

"เพราะการบริโภคอย่างยั่งยืนมีความสำคัญมากต่อสิ่งแวดล้อม และในขณะเดียวกันก็สร้างโอกาสที่ยิ่งใหญ่ให้ธุรกิจ รวมถึงเศรษฐกิจดิจิทัลในภาพรวม เพื่อการพัฒนาที่ยืนยาวไปสู่อนาคตที่ยั่งยืนให้ทุกฝ่าย"

ผลงานวิจัยอิสระที่สนับสนุนโดยอาลีบาบา กรุ๊ป มีชื่อว่า “The Sustainability Trends Report 2023” เป็นงานวิจัยที่สำรวจผู้บริโภคมากกว่า 14,000 รายจากตลาด 14 แห่งในเอเชีย ยุโรป และตะวันออกกลาง การวิจัยพบว่าความสะดวกด้านต่างๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับสินค้าที่เน้นความยั่งยืน (53%) และค่าใช้จ่ายที่รับได้ (33%) มีความสำคัญต่อการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภคให้ดำเนินไปตามวิถีความยั่งยืน และธุรกิจต่างๆ ก็สามารถช่วยให้ผู้บริโภคมีทางเลือกที่ให้ความสำคัญกับความยั่งยืนได้ง่ายขึ้น


ขณะเดียวกัน ผู้บริโภคส่วนใหญ่ (73%) ต้องการดำเนินชีวิตด้วยแนวทางที่ยั่งยืนมากขึ้น โดยเฉพาะผู้ที่อาศัยอยู่ในตลาดเกิดใหม่ในเอเชีย (87%) แต่ต้องพบอุปสรรคสำคัญด้านค่าใช้จ่ายที่สูงเกินไปและความไม่สะดวกด้านต่างๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับสินค้าที่เน้นความยั่งยืน

ทั้งนี้ 38% ผู้ของบริโภคเชื่อว่าความสนใจส่วนบุคคลเป็นตัวขับเคลื่อนให้เกิดความสนใจเรื่องความ "ยั่งยืน" ของสินค้าที่ธุรกิจต่างๆ นำเสนอ มีเพียง 15% ที่เชื่อคำกล่าวอ้างทั้งหมดที่เกี่ยวกับความยั่งยืนของผลิตภัณฑ์ ดังนั้นธุรกิจต้องทำงานอย่างหนักเพื่อให้ผู้บริโภคไว้วางใจ โดยเฉพาะผู้บริโภคที่อาศัยอยู่ในตลาดยุโรป

ในอีกด้าน อาลีบาบาได้เผยแพร่รายงานด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) ฉบับล่าสุดเมื่อปลายเดือนกรกฎาคม และเป็นครั้งแรกที่เปิดเผยความคืบหน้าของกระบวนการลดคาร์บอนใน Scope 3+ นับจากเริ่มบุกเบิกแนวคิดนี้ในปี 2564 เพื่อขยายคำมั่นในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนให้ครอบคลุมระบบนิเวศทั้งหมดของบริษัทฯ

รายงาน ESG ล่าสุดนี้ยังเผยให้เห็นข้อมูลจากแพลตฟอร์มบัญชีแยกประเภทคาร์บอนของอาลีบาบาที่ระบุว่ามีผู้บริโภค 187 ล้านคนเข้าร่วมกิจกรรมลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนในช่วง 12 เดือน (นับถึงวันที่ 31 มีนาคม 2566) โดยมีสินค้า 1.91 ล้านรายการจากแบรนด์ 409 แห่งที่นำเสนอบน Tmall และ Taobao ผ่านโปรแกรมสินค้าคาร์บอนต่ำที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (ข้อมูล ณ เดือนมีนาคม 2566)

ผลงานวิจัยพบด้วยว่าผู้บริโภคประมาณสามในสี่ (76%) ยินดีรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการที่จะช่วยให้มีความยั่งยืนมากขึ้น โดยมีสัดส่วนสูงสุดในฟิลิปปินส์ (93%) ตามด้วยอินโดนีเซีย (91%) และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (90%) โดยผู้บริโภคมากกว่าครึ่ง (58%) กล่าวว่าพวกเขาได้มีส่วนร่วมด้านความยั่งยืนแล้ว และรู้สึกว่าตนกำลังทำสิ่งที่ดีและถูกต้อง นอกจากนี้ยังเปิดกว้างเพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติทางออนไลน์เพื่อความยั่งยืน โดยเฉลี่ย 73% กล่าวว่ายินดีรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการซื้อสินค้าออนไลน์ที่ให้ความสำคัญกับความยั่งยืนมากขึ้น

ที่สำคัญ ผู้ตอบแบบสำรวจที่อยู่ในตลาดเกิดใหม่ในเอเชีย (88%) เต็มใจเรียนรู้วิธีการที่จะช่วยให้สามารถซื้อสินค้าออนไลน์ที่เน้นเรื่องความยั่งยืนได้มากขึ้น มากกว่าตลาดที่พัฒนาแล้วในเอเชีย (66%) และในยุโรป (66%) นอกจากนี้ พฤติกรรมการชอปปิ้งออนไลน์ที่เน้นเรื่องความยั่งยืนยังแตกต่างกันไปในแต่ละภูมิภาค เช่น ตลาดเกิดใหม่ในเอเชีย (47%) มีแนวโน้มเลือกบรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืนมากกว่า ในขณะที่ในยุโรป (47%) มีแนวโน้มเลือกการรีไซเคิลมากกว่า

นอกจากนี้ ผู้บริโภคครึ่งหนึ่งจะเลือกซื้อสินค้าที่ให้ความสำคัญกับความยั่งยืนก็ต่อเมื่อมีความสะดวกด้านต่างๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับสินค้าประเภทนี้ และหนึ่งในสามเชื่อว่าสินค้าประเภทนี้มีราคาแพงเกินไป โดยอุปสรรคสำคัญที่ทำให้ผู้บริโภคไม่ซื้อสินค้าที่ให้ความสำคัญด้านความยั่งยืนเพิ่มขึ้น คือ ขาดข้อมูลที่ชัดเจนเกี่ยวกับความยั่งยืนของสินค้า (48%) และราคาของสินค้าที่เน้นความยั่งยืนมีราคาสูงเกินไป (45%)


กำลังโหลดความคิดเห็น