xs
xsm
sm
md
lg

"ทรูมันนี่" สู้ยิบตาธุรกรรมแปลกปลอม เทร้อยล้านบาท ปั้นระบบป้องกันการดูดเงิน 3 ชั้น

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


นายอธิปัตย์ พลอยพรายแก้ว ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารความเสี่ยงและตรวจสอบทุจริต บริษัท ทรูมันนี่ จำกัด, นางสาวมนสินี นาคปนันท์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ (ร่วม) บริษัท แอสเซนด์ มันนี่ จำกัด  และนายสถาพร คิ้วสุวรรณสุข ผู้อำนวยการฝ่ายเทคโนโลยี บริษัท ทรูมันนี่ จำกัด
ทรูมันนี่ มั่นใจเปิดตัวระบบป้องกันการดูดเงิน 3 ชั้น ‘TrueMoney 3 x Protection’ ช่วยตรวจ-จับ-หยุดธุรกรรมแปลกปลอมได้เหลือศูนย์ ระบุลงทุนทั้งคนและเทคโนโลยีอัจฉริยะภายใต้ความปลอดภัย TrueMoney Secure มูลค่า 100 ล้านบาทต่อปี เพิ่มความมั่นใจให้ฐานผู้ใช้ 26 ล้านคน บนธุรกรรมรวม 4-5 แสนล้านบาทต่อปี

น.ส.มนสินี นาคปนันท์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ (ร่วม) บริษัท แอสเซนด์ มันนี่ จำกัด กล่าวว่า ระบบป้องกันการดูดเงิน 3 ชั้น ‘TrueMoney 3 x Protection’ นั้นพัฒนาโดยบริษัท ทรูมันนี่ จำกัด ร่วมกับผู้ให้บริการระบบความปลอดภัยชั้นนำของโลก เช่น ‘ชิลด์’ (SHIELD) ซึ่งเป็นบริษัทดูแลความปลอดภัยทางไซเบอร์ระดับโลก และ ‘โซลอส’ (ZOLOZ) ผู้เชี่ยวชาญด้านโซลูชันและเทคโนโลยีการยืนยันตัวตนแบบ Biometric ระดับโลก โดยความร่วมมือที่เกิดขึ้นเป็นส่วนหนึ่งของการลงทุนด้านบุคลากรและความปลอดภัยที่มีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาทต่อปี

“การลงทุนเหล่านี้มาจากความมุ่งมั่นในการมอบบริการทางการเงินที่ใช้งานง่ายและช่วยเพิ่มคุณค่าในทุกการใช้งานให้ผู้ใช้ ทำให้ทรูมันนี่ให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่งในการพัฒนาเทคโนโลยีที่มอบความปลอดภัย ให้ความมั่นใจกับผู้ใช้ในทุกการใช้งาน” 

ทรูมันนี่ มองตัวเองเป็นผู้นำด้านการให้บริการทางการเงินแบบดิจิทัลชั้นนำในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สำหรับการประกาศยกระดับการปกป้องบัญชีลูกค้าด้วยเทคโนโลยีใหม่ครั้งนี้เน้นที่การเปิดตัวระบบป้องกันการดูดเงิน 3 ชั้น ‘TrueMoney 3 x Protection’ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเทคโนโลยีกลุ่ม TrueMoney Secure โดยระบบป้องกัน 3 ชั้นประกอบด้วย ชั้นตรวจ-ชั้นจับ-ชั้นหยุด ธุรกรรมแปลกปลอม ที่ได้นำความชาญฉลาดของปัญญาประดิษฐ์ (AI - Artificial Intelligence) มาทำงานร่วมกับเทคโนโลยีวิศวกรรมข้อมูลขนาดใหญ่ (ฺBig Data Engineering) เพื่อรวบรวม จำแนก และจดจำ เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลการใช้งานของผู้ใช้ พร้อมตรวจจับและสั่งการหากพบความผิดปกติ

สำหรับรายละเอียดการปกป้องบัญชีผู้ใช้ชั้นแรก ประกอบด้วย การตรวจว่าผู้ใช้เป็นตัวจริงเจ้าของบัญชี ระบบจะยืนยันเข้าใช้งานบัญชีด้วยระบบยืนยันตัวตนหลากหลายรูปแบบ (secure log in) เช่น การเรียกสแกนหน้าเพื่อตรวจสอบข้อมูลชีวมิติ (Biometric - Face recognition)  ทำให้แม้มิจฉาชีพจะล่อลวงจนรู้ OTP หรือ Pin Code แต่ก็ไม่สามารถล็อกอินบัญชีได้ เพราะถูกระบบสแกนตรวจใบหน้าป้องกันไว้

น.ส.มนสินี นาคปนันท์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ (ร่วม) บริษัท แอสเซนด์ มันนี่ จำกัด และนายสถาพร คิ้วสุวรรณสุข ผู้อำนวยการฝ่ายเทคโนโลยี บริษัท ทรูมันนี่ จำกัด
ขณะที่ชั้นที่ 2 ระบบจะมุ่งจับมัลแวร์หรือแอปต้องสงสัย ทั้งมัลแวร์ แอปดูดเงิน และแอปแปลกปลอมที่ไม่ปลอดภัย หากติดตั้งบนอุปกรณ์ที่ใช้งานทรูมันนี่ และปฏิเสธการอนุญาตเข้าใช้งาน และชั้นที่ 3 ระบบจะหยุดการทำธุรกรรมที่ผิดปกติ โดยมีระบบ AI ช่วยจำแนกและกำหนดค่าความเสี่ยง (Risk score) เพื่อตรวจสอบความผิดปกติจากประวัติการทำรายการย้อนหลัง และให้มีการยืนยันตัวตนหลากหลายรูปแบบ หรือหยุดยั้งรายการที่มีความผิดปกติ เพื่อป้องกันการถูกดูดเงินออก

นายอธิปัตย์ พลอยพรายแก้ว ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารความเสี่ยงและตรวจสอบทุจริต บริษัท ทรูมันนี่ จำกัด ให้ข้อมูลว่า จากข้อมูลล่าสุดเดือน เมษายน 2566 ของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (MDES) พบสถิติในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา มีปัญหาภัยออนไลน์แจ้งมายังเว็บไซต์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติกว่า 247,753 เรื่อง ขณะที่ผลการอายัดบัญชีที่มีคำร้องทั้งหมด 74,129 บัญชี มีการขออายัด 54,017 บัญชี ยอดเงิน 6.9 พันล้านบาท และอายัดได้ทัน 449 ล้านบาท หรือเพียง 6.4% ของยอดเงินที่มีการร้องขออายัด คิดเป็นมูลค่าความเสียหายสูงถึง 32,083 ล้านบาท ไม่เพียงเท่านั้นสมาคมธนาคารไทย ยังพบอีกว่า ในช่วงที่ผ่านมาเริ่มมีการล่อลวงติดตั้งแอปเพื่อเข้ามาดูดข้อมูล รวมถึงปลอมเป็นแอปการเงิน เพื่อเข้ามาควบคุมอุปกรณ์และแอปการเงินของผู้เสียหาย (ATO - Account Take Over) เพื่อดูดเงินจากบัญชี ส่งผลให้มีผู้เสียหายจากการตกเป็นเหยื่อจำนวนมาก คิดเป็นมูลค่าความเสียหายราว 500 ล้านบาท 

“ทรูมันนี่ เป็นหนึ่งในผู้ให้บริการรายแรกๆ ที่เดินหน้าพัฒนาการระบบเทคโนโลยีเพื่อปกป้องบัญชีของลูกค้า ที่ผ่านมาเราได้กำหนดให้มีสแกนใบหน้ายืนยันตัวตนก่อนโอนและถอนเงินตั้งแต่ 10,000 บาทขึ้นไป ตั้งแต่เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา นอกจากนี้ เมื่อปลายปีที่แล้วเรายังได้จับมือกับ SHIELD ประกาศนำ ‘ระบบปฏิบัติการความปลอดภัยอัจฉริยะสำหรับธุรกรรมการเงินบนอุปกรณ์มือถือ’ (Mobile Fintech Security Intelligence) มาใช้เป็นรายแรกของไทย”

ในภาพรวม ทรูมันนี่มองการเปิดตัวระบบป้องกันการดูดเงิน 3 ชั้น ‘TrueMoney 3 x Protection’ ว่าเป็นระบบเดียวที่มีในตลาดขณะนี้ที่สามารถ "ตรวจ-จับ-หยุด" ธุรกรรมแปลกปลอมได้ครบวงจร อย่างไรก็ตาม ทรูมันนี่ตระหนักดีว่า ถึงจะสร้างแอปการเงินที่มีเทคโนโลยีความปลอดภัยในระดับสูง แต่มิจฉาชีพก็อาจล่อลวงให้ผู้ใช้ตกเป็นเหยื่อและเผลอให้ข้อมูลสำคัญที่ทำให้มิจฉาชีพเข้าถึงบัญชีได้ ดังนั้นการสร้างระบบที่สามารถผสานข้อมูลและระบบความปลอดภัยให้ทำงานร่วมกันอย่างชาญฉลาดจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยปกป้องผู้ใช้ทั้งก่อน ระหว่าง และหลังการทำธุรกรรม พร้อมช่วยผู้ใช้จำกัดและหยุดความเสียหายแม้พลาดตกเป็นเหยื่อต่อไป

ปัจจุบันฐานผู้ใช้ทรูมันนี่มีจำนวนรวม 26 ล้านคน มูลค่าการเติมเงินในบัญชีทรูมันนี่มีตั้งแต่หลักสิบ-แสนบาทต่อบัญชีเนื่องจากมีการขยายบริการด้านการออมและการลงทุน ตัวเลขธุรกรรมในแพลตฟอร์มจึงสูงขึ้นถึงระดับ 40,000 ล้านบาทต่อเดือน คิดเป็น 4-5 แสนล้านบาทต่อปี


กำลังโหลดความคิดเห็น