คอมมี่เล็งผู้นำตลาดฟิล์มกันรอยมือถือที่มีมูลค่ากว่า 6,500 ล้านบาทในแต่ละปี ทุ่มงบ 100 ล้าบาท รีแบรนด์ใหม่พร้อมออกฟิล์มกันรอยรุ่นใหม่ ‘ซูเปอร์ไฮโดรเจล’ ทำตลาดแทนที่ฟิล์มกระจก ลดอัตราการแตกของหน้าจอ และลดรอยขีดข่วนได้
อรปรียา มโนวิลาส รองประธานกรรมการ บริษัท คอมมี่ คอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวว่า หลังสถานการณ์แพร่ระบาดที่ผ่านมาทำให้ตลาดสมาร์ทโฟนเริ่มหดตัวลง แสดงให้เห็นถึงระยะเวลาการเปลี่ยนเครื่องใหม่ที่ช้าลง
“โอกาสที่เกิดขึ้นสำหรับคอมมี่คือผู้บริโภคหันมาดูแลรักษาสมาร์ทโฟนมากขึ้น ทำให้มองว่าการทำตลาดฟิล์มไฮโดรเจลจะเข้ามาช่วยยืดอายุการใช้งานสมาร์ทโฟนของลูกค้าให้ยาวนานขึ้น”
ทั้งนี้ จากข้อมูลของ Canalyst ระบุว่าปีที่ผ่านมาตลาดสมาร์ทโฟนหดตัวลง 10% เหลืออยู่ราว 13 ล้านเครื่อง คิดเป็นมูลค่ารวมราว 1.4 แสนล้านบาท ขณะที่ตลาดอุปกรณ์เสริมจะอยู่ที่เกือบ 10% ของตลาดรวมมือถือ หรือราว 1.3-1.4 หมื่นล้านบาท
โดยจากมูลค่าตลาดรวมอุปกรณ์เสริมนั้นจะมีสัดส่วนที่เป็นฟิล์ม และกระจกกันรอยราว 49% หรือราว 6,500 ล้านบาท ด้วยการคำนวณจากสถิติที่ผู้บริโภคจะเปลี่ยนฟิล์มใหม่ทุกๆ 3-4 เดือน ทำให้คอมมี่หวังที่จะขึ้นเป็นหนึ่งในผู้นำในตลาดนี้ ด้วยเป้าหมายยอดขายไม่ต่ำกว่า 1.1 ล้านชิ้น
“ในอนาคตเชื่อว่าตลาดกระจกกันรอยจะมีสัดส่วนลดลง เนื่องจากมีอัตราการแตกที่ค่อนข้างสูง และมีโอกาสที่จะบาดมือผู้ใช้งานได้ การเปลี่ยนมาใช้ฟิล์มไฮโดรเจลจะช่วยลดปัญหาเหล่านี้ลงด้วย ในราคาขายปลีกที่ 690 บาท”
เพียงแต่ว่าปัจจุบันกระจกกันรอยในตลาดมีสัดส่วนสูงถึง 80% และมีส่วนที่เป็นฟิล์มกันรอยราว 20% เท่านั้น ซึ่งทางคอมมี่มองว่าภายใน 3-5 ปีข้างหน้า สัดส่วนฟิล์มกันรอยแบบไฮโดรเจลจะเพิ่มขึ้นมามีสัดส่วนมากกว่า 50% ได้ เพราะในตลาดทั่วโลกปัจจุบันฟิล์มแบบไฮโดรเจลมีสัดส่วนสูงถึง 80% แล้ว
พร้อมกันนี้ เพื่อให้แบรนด์มีความสดใส จับกลุ่มคนรุ่นใหม่มากขึ้น คอมมี่ได้ทุ่มงบการตลาดราว 100 ล้านบาท เพื่อปรับภาพลักษณ์แบรนด์ใหม่ พร้อมไปกับการขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์ให้ครอบคลุมมากขึ้น โดยยังคงเน้นสินค้าที่มีเอกลักษณ์ และคุณภาพเช่นเดิม
รวมถึงการทำตลาดแบบ O2O เพิ่มเติมทั้งการจำหน่ายฟิล์มผ่านช่องทางอีคอมเมิร์ซ แต่ลูกค้าสามารถไปใช้บริการหน้าร้านในเครือข่ายให้ติดฟิล์มให้ ซึ่งสัดส่วนการจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์ในตอนนี้อยู่ที่ราว 15% และมีร้านค้าทั่วประเทศอยู่ที่ 1,500 แห่ง
นอกจากนี้ คอมมี่มีแผนที่จะเปิดหน้าร้านรีเทลสโตร์ เบื้องต้น 1 แห่ง เพื่อจำหน่าย และจัดแสดงอุปกรณ์เสริมที่ทำตลาดทั้งฟิล์มกันรอย แบตเตอรี่ แบตเตอรี่เสริม อุปกรณ์เสริมสมาร์ทโฟนต่างๆ และสินค้าเพื่อสุขภาพเพิ่มเติมอย่างเครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ และมีโอกาสขยายเป็น 3 สาขาภายในสิ้นปีนี้
ขณะเดียวกัน ด้วยการที่ฟิล์มไฮโดรเจลสามารถตัดได้ตามขนาดหน้าจอที่ใช้งานสูงสุดถึง 16 นิ้ว ทำให้มีโอกาสขยายไปทำตลาดฟิล์มกันรอยจอแสดงผลภายในรถยนต์ หรืออุปกรณ์อื่นๆ ด้วยจุดเด่นที่ร้านค้าสามารถสต๊อกฟิล์มเพื่อตัดตามรุ่นที่ใช้งานได้ ไม่ต้องกังวลกรณีที่กระจกกันรอยรุ่นที่สต๊อกไว้ตกรุ่นไปแล้ว
