กลยุทธ์ ‘บราเดอร์’ ปรับภาพเจาะวัยรุ่น หวังเป็นตัวเลือกแรกของคนรุ่นใหม่

‘บราเดอร์’ หวังสร้างการเติบโตให้ธุรกิจอย่างยั่งยืน หันปรับภาพแบรนด์ให้รับกับคนรุ่นใหม่มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มคอนซูเมอร์ที่ยังมีสัดส่วนธุรกิจไม่สูงมากเมื่อเทียบกับกลุ่ม SMEs ทั้งในกลุ่มสินค้าพรินเตอร์ และธุรกิจนอกเหนืออย่างจักรเย็บผ้า ลำโพง และเครื่องฟอกอากาศที่นำเข้ามาเสริมทัพ ภายใต้เป้าหมายรักษาการเติบโตที่ 5%

ธีรวุธ ศุภพันธุ์ภิญโญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บราเดอร์ คอมเมอร์เชี่ยล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวถึงสภาพเศรษฐกิจในปีนี้ที่คาดว่าจะดีขึ้น หลังจากที่มีนักท่องเที่ยวเข้ามาช่วยเพิ่มเม็ดเงินในตลาด รวมถึงภาคธุรกิจต่างๆ ที่เริ่มกลับมาช่วยเป็นฟันเฟืองให้เศรษฐกิจไทย

“ที่ผ่านมาเราได้เห็นกันแล้วว่าภาคธุรกิจไทยมีความแข็งแกร่งมาก เพราะนโยบายต่างๆ จากรัฐบาลไม่ได้เข้ามาเอื้อประโยชน์มากนัก ทำให้ทุกองค์กรต้องมีการปรับตัว และเชื่อว่าจากการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นจะช่วยเพิ่มแนวโน้มในการลงทุนทางเศรษฐกิจที่ดีขึ้นด้วย”


สำหรับเป้าหมายของบราเดอร์ในปีนี้ คือรักษาการเติบโตไว้ที่ราว 5% ซึ่งเมื่อเทียบกับตลาดรวมที่เติบโตราว 1-2% นั้นถือว่าเยอะแล้ว ซึ่งปัจจัยหนึ่งที่คาดว่าจะเข้ามาหนุนคือเรื่องของการปรับประมาณการ GDP ในไทยที่เติบโตขึ้นจากปีที่ผ่านมา 2.6% เป็น 3.2%

โดยปัจจุบันกลุ่มลูกค้าหลักของบราเดอร์จะอยู่ในกลุ่มผู้ประกอบการ SMEs ราว 50% ตามด้วยกลุ่มผู้บริโภคทั่วไปที่ใช้งานภายในบ้าน 30% และภาคองค์กรธุรกิจราว 20% และตั้งเป้าว่าจะขยายธุรกิจในส่วนขององค์กรให้เพิ่มมากขึ้นด้วยการแยกไลน์สินค้าเข้าไปจับในเชิงลึกมากขึ้น พร้อมนำเสนอโซลูชันงานพิมพ์ที่ครบวงจร


ทิพยา ไตรเสถียรกุล ผู้จัดการอาวุโสแผนกธุรกิจเครื่องพิมพ์ บราเดอร์ ให้ข้อมูลเสริมว่า ปัจจุบันบราเดอร์ครองส่วนแบ่งตลาดในกลุ่มเครื่องพิมพ์โมโนเลเซอร์มัลติฟังก์ชัน 47.8% กลุ่มเครื่องพิมพ์โมโนเลเซอร์อยู่ที่ 27.7% กลุ่มเครื่องพิมพ์คัลเลอร์เลเซอร์มัลติฟังก์ชัน 51.5% กลุ่มเครื่องพิมพ์คัลเลอร์เลเซอร์อยู่ที่ 37.3% และกลุ่มเครื่องพิมพ์อิงค์แทงค์อยู่ที่ 23.4%

“จะเห็นได้ว่าปัจจุบันพรินเตอร์ยังคงเป็นธุรกิจหลักของบราเดอร์ ซึ่งตลาดรวมพรินเตอร์อิงค์เจ็ทในปีที่ผ่านมาอยู่ราว 6 แสนเครื่อง และเลเซอร์ราว 2 แสนเครื่อง ซึ่งจุดเด่นหลักของเครื่องพิมพ์เลเซอร์ของบราเดอร์คือจะไม่มีปัญหาหัวพิมพ์ตัน เพียงแค่เสียบปลั้กทิ้งไว้เท่านั้นเอง”

อีกความตั้งใจของบราเดอร์ที่เริ่มลงทุนเพื่อสร้างให้ความยั่งยืนทางธุรกิจในระยะยาวคือ การหันมาใช้งานแบรนด์พรีเซ็นเตอร์ที่จะช่วยขยายฐานลูกค้าในกลุ่มคนรุ่นใหม่ เพราะปัจจุบันข้อมูลจากกลุ่มผู้บริโภคทั่วไป (คอนซูเมอร์) พบว่าฐานผู้ใช้งานที่เป็นกลุ่มเจน Z มีอยู่ราว 11% เท่านั้น ที่เหลือจะเป็นกลุ่มเจน Y X และเบบี้บูมเมอร์


นรีรัตน์ นวนพรัตน์สกุล ผู้จัดการฝ่ายสื่อสารการตลาด บราเดอร์ กล่าวเสริมถึงการเลือกใช้ PROXIE (พร็อกซี) มาเป็นแบรนด์พรีเซ็นเตอร์ ที่เข้ามาสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านแบรนด์สู่ลูกค้าที่เป็นคนรุ่นใหม่มากขึ้น ตามความตั้งใจในการเป็นสินค้า และผลิตภัณฑ์ที่จะอยู่เคียงข้างทุกความสำเร็จ ตั้งแต่การเริ่มทำธุรกิจของคนรุ่นใหม่

“การที่มาจับกลุ่มคนรุ่นใหม่มากขึ้นจะช่วยให้เข้าถึงกลุ่มผู้ใช้งานที่อาจจะไม่มีกำลังซื้ออย่างนักเรียน นักศึกษา แต่ถ้าน้องๆ กลุ่มนี้รู้จักแบรนด์เวลาที่ต้องการใช้งานเพื่อพิมพ์เอกสาร ทำการบ้าน แบรนด์ที่จะบอกให้ผู้ปกครองไปเลือกซื้อก็จะเป็นบราเดอร์ และช่วยขยายฐานลูกค้าให้กว้างขึ้นด้วย”