เทนเซ็นต์ คลาวด์ ส่งชุดเมตาเวิร์ส Metaverse Solution Suite ตั้งเป้ายกระดับผู้ประกอบการไทยรับตลาด Metaverse ดัน GDP ทั่วเอเชีย 1.4 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ปี 2578
นายกฤตธี มโนลีหกุล รองประธานเทนเซ็นต์ คลาวด์ อินเตอร์เนชันแนล ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และกรรมการผู้จัดการ บริษัท เทนเซ็นต์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า Metaverse จะเป็นอีกหนึ่งเทคโนโลยีที่จะมาดิสรัปอุตสาหกรรมต่างๆ ปัจจุบันผู้ประกอบการ รวมถึงธุรกิจทั่วโลกจึงต่างให้ความสนใจและจับตามอง ซึ่งสอดคล้องกับกลยุทธ์ Immersive Convergence ของเทนเซ็นต์ที่ให้ความสำคัญกับการยกระดับแผนการดำเนินงานผ่านความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยี
"ด้วยโครงสร้างพื้นฐานและการให้บริการดิจิทัลที่จะช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถเชื่อมต่อกับโลกจริงและ Metaverse ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพมากที่สุด องค์กรต่างๆ จะได้รับประโยชน์มากมายจากบริการที่เกี่ยวข้องกับ Metaverse ของเทนเซ็นต์ คลาวด์ ที่จะช่วยให้ธุรกิจสามารถสร้างประสบการณ์ให้ผู้ใช้งาน ด้วยความสมจริงในโลกเสมือนได้อย่างเต็มที่"
เทนเซ็นต์ คลาวด์ มองว่าการพัฒนาอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยีดิจิทัล ส่งผลให้การเชื่อมต่อระหว่างโลกเสมือน และโลกความเป็นจริงแข็งแกร่งมากขึ้น ดังนั้น หลายองค์กรจึงเริ่มมองหาโอกาสจากการสร้างแพลตฟอร์มที่สามารถเชื่อมต่อกับ Metaverse ที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถสร้างประสบการณ์ที่แปลกใหม่ให้ผู้ใช้งานได้ ซึ่งรายงานของ Deloitte ประเมินผลกระทบของ เมตาเวิร์ส (Metaverse) ที่มีต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ หรือ GDP ทั่วเอเชียไว้ที่ 0.8 ถึง 1.4 ล้านล้านเหรียญสหรัฐต่อปีภายใน พ.ศ.2578 คิดเป็นประมาณร้อยละ 1.3 ถึง 2.4 ของ GDP
"เทนเซ็นต์ คลาวด์ ในฐานะ Digital Enabler พร้อมที่จะสนับสนุนธุรกิจไทยทุกขนาดที่ต้องการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลผ่านการนำเสนอ Metaverse Solution Suites โซลูชันแบบครบวงจรที่ได้รับการพัฒนาจากประสบการณ์และความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีเกม เสียง และวิดีโอ เพื่อเป็นหนึ่งในเครื่องมือสำคัญในการสร้างแอปพลิเคชันและพัฒนาธุรกิจในโลก Metaverse ให้ผู้ประกอบการไทย"
เป้าหมายของเทนเซ็นต์ คลาวด์ คือเพื่อส่งมอบบริการแบบครบวงจรให้ทุกองค์กรที่ต้องการพัฒนาธุรกิจด้าน Metaverse โดยเชื่อว่าการนำเสนอชุดโซลูชันด้าน Metaverse นี้จะทำให้นักพัฒนาสามารถใช้เครื่องมือ และบริการในการสร้างโลก Metaverse ให้สมจริงด้วยโซลูชันต่างๆ ทั้งโซลูชันสำหรับการสร้าง Virtual Scene ซึ่งเป็นโซลูชันที่ช่วยในการสร้างการจำลองเสมือนจริง การสร้างสำเนาดิจิทัลให้สมจริงและใกล้เคียงกับของจริงมากที่สุด (ได้แก่ Tencent Cloud Real-time Cloud Rendering และ Digital Twins) และโซลูชันสำหรับการสร้าง Digital Human & Avatar เช่น Digital Human, Text Driven Digital Human และ Avatar Based on Real-Time Capturing
นอกจากโซลูชันที่ผสานการปฏิสัมพันธ์ระหว่างคน และคอมพิวเตอร์เพื่อรองรับการสร้างมนุษย์ดิจิทัลที่สามารถแสดงออก และโต้ตอบได้ เทนเซ็นต์ คลาวด์ยังมีโซลูชันที่มอบประสบการณ์ที่หลากหลายให้แก่ผู้ใช้งานใน Metaverse เช่น โซลูชันสำหรับสร้างการสื่อสารแบบโต้ตอบ (Interactive Media & Communication) ที่เป็นโซลูชันช่วยเชื่อมต่อผู้ใช้งานผ่านการโต้ตอบแบบเรียลไทม์ และความรู้สึกที่เสมือนจริงผ่านการใช้งาน AR/VR รวมถึงโซลูชันสำหรับรองรับการประมวลผล (Computing Power) ที่เป็นโครงสร้างพื้นฐานที่ช่วยรองรับการประมวลผลที่เสถียร และมีประสิทธิภาพ ทั้ง GPU Cloud Computing (GCC) เซิร์ฟเวอร์คลาวด์ที่สามารถประมวลผลข้อมูลกราฟิกด้วยความเร็วสูง และ Edge Computing Machine (ECM) ที่ช่วยให้ระบบประมวลผลสามารถทำงานได้รวดเร็วยิ่งขึ้น จากการขยาย node การประมวลผลให้อยู่บน node ที่ใกล้กับผู้ใช้งานใน Metaverse มากขึ้น
นายกฤตธี กล่าวสรุปว่า การก้าวสู่โลก Metaverse เพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจนับเป็นหนึ่งในเรื่องที่ท้าทายสำหรับหลายๆ องค์กร เนื่องมาจากโครงสร้างพื้นฐานที่มีความซับซ้อน เทนเซ็นต์ คลาวด์ จึงมีความมุ่งมั่นที่จะให้บริการด้านโซลูชันที่สอดรับกับแนวทางขององค์กรนั้นๆ เพื่อผลักดันให้ไปสู่เป้าหมาย
"ด้วยประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญทางด้านเทคโนโลยีเสียง และวิดีโอที่สั่งสมมากว่า 20 ปี ผสานความแข็งแกร่งด้านโครงสร้างพื้นฐานจากพื้นที่ให้บริการที่ครอบคลุม 70 พื้นที่ใน 26 ภูมิภาคทั่วโลก และการมีดาต้าเซ็นเตอร์ที่ตั้งอยู่ในประเทศไทยถึง 2 แห่ง ตลอดจนมีทีมงานคนไทยที่มีความเชี่ยวชาญพร้อมให้คำแนะนำ และการสนับสนุนแก่องค์กรต่างๆ ในไทยได้อย่างครบวงจร เทนเซ็นต์ คลาวด์ พร้อมแล้วที่จะให้การสนับสนุนองค์กรไทยในการขยายธุรกิจไปทั่วโลก"