หัวเว่ย ร่วมมือกับเอสซีจี เซรามิกส์ นำ SUSUNN (ซูซันน์) หนึ่งในเทคโนโลยีระบบกักเก็บพลังงานด้วยแบตเตอรี่ (Battery Energy Storage System) ด้วยพลังงานสะอาดสำหรับภาคอุดสาหกรรรม ที่ทันสมัยและครบครันที่สุดในประเทศไทย เพื่อขับเคลื่อนประเทศสู่การเป็นผู้นำของภูมิภาคอาเซียนในด้านการเปลี่ยนแปลงด้านพลังงาน และความเป็นกลางทางคาร์บอน
นายเจสัน วู ประธานกลุ่มธุรกิจ พลังงานดิจิทัล Smart PV และ ESS บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ในฐานะหนึ่งในผู้ให้บริการเทคโนโลยีพลังงานสีเขียวชั้นนํา ซึ่งมีอินเวอเตอร์ติดตั้งอยู่บนโซลาร์รูฟท็อปและโซลาร์ฟาร์มรวมกว่า 2.4 จิกะวัตต์ (GW) ทั่วประเทศไทย หัวเว่ยมีเป้าหมายที่จะมอบโซลูชันพลังงานแสงอาทิตย์ที่มีประสิทธิภาพสูงให้แก่ลูกค้า
“หัวเว่ยพร้อมแบ่งปันเทคโนโลยีและความรู้ด้านระบบกักเก็บพลังงานกับซูซันน์ บริษัทที่มีประสบการณ์ด้านการบริหารจัดการพลังงานและการปรับปรุงการใช้พลังงานให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดมากกว่า 20 ปี เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเราจะช่วยผลักดันตลาดระบบกักเก็บพลังงานในประเทศไทยให้พัฒนารวดเร็วมากยิ่งขึ้นผ่านการร่วมมือครั้งนี้”
นายนำพล มลิชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซูซันน์ สมาร์ท โซลูชั่น จำกัด กล่าวเสริมว่า ซูซันน์เป็นผู้ให้บริการระบบผลิตพลังงานแสงอาทิตย์รูปแบบครบวงจร รวมถึงระบบกักเก็บพลังงานด้วยแบตเตอรี่แบบครบวงจร และได้รับการยอมรับจากภาคอุตสาหกรรมในประเทศเป็นอย่างมาก
ปัจจุบัน ได้มีโอกาสร่วมกับหัวเว่ย ในการนำระบบกักเก็บพลังงานด้วยแบตเตอรี่ของหัวเว่ยซึ่งประสิทธิภาพสูง อีกทั้งยังมีระบบป้องกันภัยตามมาตรฐานเป็นที่ยอมรับในระดับสากล มาร่วมพัฒนากับระบบบริหารจัดการพลังงานที่ดีที่สุดของซูซันน์ เพื่อเสริมให้ระบบมีประสิทธิภาพการกักเก็บพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ทั้งยังเป็นการรองรับการให้บริการลูกค้าภาคอุตสาหกรรมในอนาคต ที่ให้ความสำคัญเรื่องพลังงานสีเขียวในปัจจุบันเป็นอย่างมาก จึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการร่วมมือกันในครั้งนี้จะเป็นประโยชน์กับทั้งซูซันน์ และหัวเว่ย อีกทั้งหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะเป็นต้นแบบที่ดีสุดในประเทศไทย และสามารถนำโซลูชันนี้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดในภาคอุตสาหกรรมของประเทศต่อไป
อย่างไรก็ดี ความร่วมมือของหัวเว่ย และซูซันน์ ในครั้งนี้ นับว่าเป็นจุดสำคัญที่น่าจับตามอง ในการเปลี่ยนผ่านด้านดิจิทัลทางพลังงาน ด้วยการหันมาใช้พลังงานสะอาดแทนพลังงานรูปแบบเก่า เพื่อร่วมสานต่อแผนพัฒนาความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมประเทศไทยก้าวสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality)และเป็นผู้นำด้านการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้เป็นศูนย์ในปี พ.ศ.2608 จากพาร์ตเนอร์ที่มีความแข็งแกร่ง