รมว.ดีอีเอส ลุยปราบเว็บพนัน เว็บลามกอนาจาร และเว็บการซื้อขายบริการทางสื่อออนไลน์ หลังระดมปิดกั้นอย่างต่อเนื่อง ชี้เหตุเว็บเข้าถึงง่าย เพราะประเทศเพื่อนบ้านถูกกฎหมาย
นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) เป็นประธานในการประชุม คณะกรรมการป้องกันปราบปรามและแก้ไขปัญหาอาชญากรรมทางออนไลน์ ครั้งที่ 1/2566 เมื่อวันที่ 9 มกราคม 2566 ที่ผ่านมา โดยมีผู้เข้าร่วมประชุมได้แก่ ผู้บริหารกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ผู้แทนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี กรมสอบสวนคดีพิเศษ สำนักงาน กสทช. ธนาคารแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย และได้เพิ่มผู้แทนจากกองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ เพื่อบูรณาการแก้ไขปัญหาอาชญาออนไลน์ โดยที่ประชุมวันนี้ได้มีการติดตามแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ โดยได้สรุปผลของการปฎิบัติงานและสถิติการดำเนินคดีทางอาชญากรรมออนไลน์ที่สำคัญในปี 2565 (เดือนมกราคม ถึงธันวาคม 2565) ประกอบด้วย
1.ดำเนินคดีแก๊ง Call Center ในต่างประเทศ 8 ครั้ง จับกุมผู้ต้องหา 166 คน
2.ปิดกั้นการโทร.หลอกลวง/ข้อความ SMS จำนวน 118,530 หมายเลข
3.การอายัดบัญชีม้าจำนวน 58,463 บัญชี และปิดกลุ่มโซเชียลมีเดียซื้อขายบัญชีม้า จำนวน 8 กลุ่ม
4.การดำเนินคดีหลอกลวงลงทุน-ระดมทุน ออนไลน์และหลอกลวงทางการเงิน จำนวน 657 คดี จับกุมผู้ต้องหา จำนวน 673 ราย
5.การปราบพนันออนไลน์ โดยดำเนินคดี 318 คดี มีผู้ต้องหา จำนวน 461 ราย และปิดกั้นเว็บพนัน จำนวน 1,830 เว็บ
6.การดำเนินคดีหลอกลวงซื้อขายสินค้าบริการออนไลน์ จำนวน 263 คดี และจับกุมผู้ต้องหา จำนวน 270 ราย
และที่ประชุมได้มีการติดตามการปิดกั้นเว็บผิดกฎหมาย 6 ด้าน ดังนี้
1.หมิ่นสถาบันฯ และความมั่นคง ปิดกั้น จำนวน 4,035 URLs
2.พนันออนไลน์ ปิดกั้น จำนวน 1,830 URLs
3.ลามกอนาจาร ปิดกั้น จำนวน 35 URLs
4.บุหรี่ไฟฟ้า ปิดกั้น จำนวน 76 URLs
5.สลากกินแบ่งฯ ปิดกั้น จำนวน 24 URLs
6.อาหารและยา ปิดกั้น จำนวน 24 URLs
ที่ประชุมเห็นว่า สำหรับเว็บพนันประเทศเพื่อนบ้านมีการเปิดเว็บพนันได้อย่างถูกกฎหมาย ทำให้มีคนไทยใช้เว็บพนันในประเทศเพื่อนบ้านเป็นจำนวนมาก เกิดความเสียหายมูลค่ามหาศาลต่อเศรษฐกิจและสังคมไทย สำหรับการปิดกั้นเว็บลามกอนาจารยังมีจำนวนน้อยอยู่ในปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม เรื่องลามกอนาจารและการค้ามนุษย์หากมีการนำเข้าข้อมูลภาพลามกอนาจารออนไลน์ เข้าข่ายเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดทางคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และมีโทษตามกฎหมายอาญาด้วย
“ได้สั่งการให้เร่งรัดแก้ปัญหาลามกออนไลน์รวมทั้งการค้ามนุษย์ ให้มีผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว และได้เพิ่มผู้แทนจากกองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ เพื่อบูรณาการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ด้านลามกอนาจารและการค้ามนุษย์ นอกจากนี้ ได้กำชับเรื่องปราบปรามเว็บพนันออนไลน์ ถึงแม้ว่าจะมีการปิดกั้นเว็บพนันไปมากแล้ว แต่มีเว็บพนันออนไลน์แพร่หลายเข้าถึงได้ง่าย ส่วนหนึ่งเกิดจากประเทศเพื่อนบ้านมีการเปิดเว็บพนันได้อย่างถูกกฎหมาย แต่เราต้องหาวิธีแก้ปัญหาให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น” นายชัยวุฒิ กล่าว