หลังจากตั้งทีมงานดูแลตลาดไทยในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา พร้อมกับการเปิด Pop-Up Store ได้เข้ามาช่วยกระตุ้นให้ยอดขายเคส และอุปกรณ์มือถือของ CASETiFY เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ จนทำให้ ‘ไทย’ เป็นประเทศที่สำคัญสุดในภูมิภาคอาเซียน จากทั้งยอดขาย และความนิยม
แผนต่อไปของ CASETiFY คือการเปิด CASETiFY STUDiO ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการภายในปี 2023 ซึ่งถือเป็นหนึ่งในแผนการขยายหน้าร้านถาวรของ CASETiFY จากปัจจุบันมีอยู่ 18 แห่งทั่วโลก เป็น 100 แห่งภายในปี 2025
ที่ผ่านมา กลุ่มลูกค้าหลักของ CASETiFY จะอยู่ในกลุ่ม Gen Z ที่เป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ในระดับพรีเมียม จากการที่จำหน่ายเคส และอุปกรณ์เสริมในรุ่นแฟลกชิปอย่าง iPhone Samsung และ Pixel เป็นหลัก ทำให้ฐานแฟนของ CASETiFY มีโพสิชันที่ชัดเจน
ประกอบกับด้วยรูปแบบการจำหน่ายของ CASETiFY ที่เติบโตมาจากช่องทางออนไลน์ ทำให้แม้ว่าการมีสาขาทยอยเปิดเพิ่มทั่วโลก แต่ยอดขายส่วนใหญ่ยังเกิดจากผ่านหน้าเว็บไซต์เป็นหลักอยู่เช่นเดิม ซึ่งรวมถึงในตลาดใหญ่ที่สุดอย่างสหรัฐฯ หรือแม้แต่ในฮ่องกง ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ด้วย
นอกจากการเปิดสาขาในประเทศไทยแล้ว ทาง CASETiFY ยังมีแผนที่จะขยายขอบเขตการทำงานร่วมกับพันธมิตร และครีเอเตอร์ในประเทศไทยเพิ่มเติมด้วย ภายใต้ 3 แนวทางหลักในการร่วมมือ ประกอบด้วย Fun คือความสนุกที่จะเกิดขึ้น Frame ในการจับกลุ่มพรีเมียมเป็นหลัก และ Collab หรือทำงานกับแบรนด์ที่มีโอกาสเติบโตในระดับโลก
จากจุดแข็งของแบรนด์ และมีช่องทางที่สามารถขยายตลาดไปได้ทั่วโลก ทำให้ที่ผ่านมา ครีเอเตอร์ ศิลปิน ดาราที่เข้ามาร่วมงานกับ CASETiFY จะเป็นกลุ่มที่มีชื่อเสียง และต้องมีโอกาสที่จะได้รับความนิยมจากตลาดต่างประเทศด้วยเช่นกัน
ส่วนการร่วมมือกับครีเอเตอร์คนไทย ทาง CASETiFY ให้ข้อมูลว่าในปีหน้าจะมีความร่วมมือที่สนุกๆ เกิดขึ้นอย่างแน่นอน โดยเฉพาะกิจกรรมต่างๆ ที่จะเกิดขึ้น ซึ่งนับรวมถึงการนำเคส และอุปกรณ์มือถือแบบลิมิเต็ดเข้ามาทำตลาดในไทยมากขึ้นด้วย
ปัจจุบัน CASETiFY Pop-Up Store ในไทย ซึ่งตั้งอยู่ centralwOrld จะเปิดให้บริการต่อเนื่องถึงวันที่ 25 มีนาคม ทำให้ต้องรอลุ้นกันว่าหลังจากครบสัญญา จะใกล้เคียงกับช่วงที่ CASETiFY STUDiO จะเปิดให้บริการในประเทศไทยด้วยหรือไม่