กระทรวงดีอีเอส พร้อมด้วยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และคณะทำงาน เผยผลการปิดล้อมตรวจค้น 6 จุดเป้าหมายเครือข่ายอินเตอร์เน็ตข้ามแดนไทยไปกัมพูชา เพื่อสกัลแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลังประกาศกวาดล้างจับกุมบัญชีม้าทั่วประเทศ
นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กล่าวว่า จากปฏิบัติการที่สามารถจับกุมได้ทั้งบัญชีม้า และผู้ที่เกี่ยวข้องกับการใช้อินเทอร์เน็ต ตลอดจนผู้ที่ลักลอบนำสัญญาณไปขายให้ประเทศเพื่อนบ้าน รวมถึงขบวนการที่หลอกลวงทั้งหมด
“การจับกุมและดำเนินคดีเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ต่อไปถ้ามีการป้องกันการใช้งานซิมโทรศัพท์มือถือ สายอินเทอร์เน็ตที่ข้ามไปประเทศเพื่อนบ้านไม่ถูกต้อง อาชญากรรมเหล่านี้จะหมดไป”
พร้อมกันนี้ ได้เร่งขยายผลเอาผิดเพิ่มเติมในกรณีมีเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกหรือสนับสนุนผู้กระทำผิดเพื่อหวังผลตอบแทน รวมถึงหากมีเจ้าหน้าที่ลักลอบนำสัญญาณอินเทอร์เน็ตไปขายให้ประเทศเพื่อนบ้านจะส่งเรื่องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจรวบรวมพยานหลักฐานและหาข้อเท็จจริงก่อนจะส่งเรื่องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีต่อไป
พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร กล่าวว่า พฤติการณ์กลุ่มคนร้ายได้เปิดเว็บไซต์ AMATA ชักชวนให้ลงทุน โดยมีการเสนอผลตอบแทนในจำนวนที่สูงกว่าที่สถาบันการเงินทั่วไป ทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อและได้นำเงินลงทุน ต่อมาเมื่อครบกำหนดกลับไม่ได้ผลตอบแทนตามที่ตกลง ผู้เสียหายพยายามขอเงินคืน แต่กลับให้นำเงินมาลงทุนเพิ่มเติมอีก ส่งผลให้เกิดความเสียหาย จำนวน 257,115.16 บาท จึงได้แจ้งความร้องทุกข์ผ่าน www.thaipoliceonline.com
ต่อมา ชุดสืบสวนตรวจสอบพบมีความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับเครือข่ายอินเทอร์เน็ตของบริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (NT) โดยมีนายมโนรม สม (MR.MONOROM SOM) ชาวกัมพูชา เป็นผู้ยื่นคำขอใช้บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงสำหรับองค์กร จากการตรวจสอบพบมีค่าบริการรายเดือนกว่า 200,000 บาท เป็นการขอใช้บริการภายในประเทศ
เมื่อลงพื้นที่ตรวจสอบกลับไม่พบจุดติดตั้งอินเทอร์เน็ตภายในประเทศ จึงตรวจสอบทางเทคนิคพบว่า มีการเชื่อมต่อสัญญาณอินเทอร์เน็ตข้ามไปฝั่งประเทศกัมพูชา สอดคล้องกับข้อมูลของ NT ไม่พบว่ามีสัญญาให้ใช้บริการระหว่างประเทศ จึงเชื่อว่ามีการลักลอบนำสัญญาณอินเทอร์เน็ตจากประเทศไทยเข้าไปใช้ในกัมพูชา
ทั้งนี้ ปฏิบัติการดังกล่าวนำไปสู่การตัดวงจรขบวนการคอลเซ็นเตอร์ให้ได้มากที่สุด โดยเน้นในเรื่องของการตัดวงจร ซิม-สาย-เสา ซึ่งในส่วนของซิม มีการปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้นกวาดล้างโดยตรวจยึดซิมโทรศัพท์มากกว่า 2 แสนเบอร์ ส่งผลให้สถานการณ์ลดลงไปกว่า 25%
สิ่งที่ต้องทำต่อไปคือ เรื่องของสาย และเสา หากสามารถตัดสัญญาณที่มีการลักลอบลงจะทำให้สถานการณ์คลี่คลายลง หากพบว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเกี่ยวข้องจะต้องดำเนินการตามมาตรา 157 ต่อไป หรือใครมีส่วนรู้เห็นต่อการกระทำความผิด เป็นตัวการในการสนับสนุนจะต้องดำเนินการตาม ม.83 อีกด้วย