‘ประวิตร’ สั่งดีอีเอสเร่งกวาดบัญชีม้า ตัดวงจรหลอกลวงออนไลน์

'ประวิตร' สั่งกระทรวงดีอีเอสเดินหน้าแก้ไขปัญหาการฉ้อโกงออนไลน์ กำหนดบทลงโทษการซื้อขายบัญชีม้า เปิดทางธนาคารช่วยระงับความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นแก่ประชาชน พร้อมทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหาทางป้องกัน

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลให้ความสำคัญและเร่งรัดการดำเนินการในทุกด้านเพื่อปกป้องประชาชนจากมิจฉาชีพและความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการแก้ไขกฎหมาย การสร้างความตระหนักรู้ การปราบปรามผู้กระทำความผิด เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการแก้ไขปัญหาให้ประชาชน โดยวันนี้ ได้กำหนดเป้าหมายดำเนินการให้เห็นผลใน 30 วัน

โดยปัจจุบัน กระทรวงดิจิทัลฯ อยู่ระหว่างจัดทำร่าง พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามการหลอกลวงทางออนไลน์ พ.ศ. ... ที่กำลังนำเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณา โดยมีบทลงโทษการซื้อขายบัญชีม้า (หรือบัญชีธนาคารที่คนร้ายซื้อมาเพื่อใช้รับโอนเงินของเหยื่อ) การโฆษณาซื้อขายบัญชีม้า

รวมถึงการเปิดให้ธนาคารสามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกันในบัญชีที่มีพฤติกรรมต้องสงสัย และสามารถระงับพฤติกรรมดังกล่าวได้เพื่อป้องกันความเสียหายแก่ประชาชน ตัดวงจรอาชญากรรมฉ้อโกงออนไลน์ก่อนกระทบในวงกว้าง ซึ่งในการจัดทำ พ.ร.ก.ได้ดำเนินการร่วมกับทุกหน่วยงาน ปปง. สตช. ธปท. สมาคมธนาคารไทย กสทช.

นอกจากนี้ กระทรวงดิจิทัลฯ ยังได้ร่วมกับธนาคารกรุงไทย ยกระดับการแจ้งเตือนภัยออนไลน์ผ่านแอปพลิเคชันเป๋าตัง จนถึงการที่ธนาคารแห่งประเทศไทยออกแนวนโยบายกำหนดให้ธนาคารมีการตรวจสอบชื่อเจ้าของเบอร์โทรศัพท์และชื่อบัญชีเงินฝากให้ตรงกัน รวมทั้งให้ mobile banking ใช้งานได้ 1 หมายเลขโทรศัพท์ต่อ 1 อุปกรณ์

ขณะเดียวกัน สมาคมธนาคารไทยได้เพิ่มมาตรการป้องกันการหลอกโอนเงินผ่านแอปควบคุมสมาร์ทโฟน (Remote Control Application) ของคนร้าย และมีการแจ้งเตือนลูกค้าผ่าน mobile banking อย่างต่อเนื่อง ทาง ปปง. จัดการแก้ไขปัญหาการรับจ้างเปิดบัญชีม้า โดยแจ้งข้อมูลบัญชีม้าผ่านระบบให้ธนาคารจัดการในกรณีที่เป็นบัญชีผิดกฎหมาย และคาดว่าจะปิดบัญชีม้าได้ 7,000-10,000 บัญชีใน 1 เดือน

จนถึงการที่สำนักงาน กสทช. ดำเนินการจัดการผู้ครอบครองซิมโทรศัพท์จำนวนมากและไม่ลงทะเบียนยืนยันตัวตนตามระบบ หากไม่มายืนยันให้ถูกต้องจะถูกระงับการให้บริการ เพื่อป้องกันการนำ SIM ไปใช้ทำผิดกฎหมาย

นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลฯ กล่าวเสริมว่า ปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ส่งผลกระทบต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนเป็นจำนวนมาก ต้องขอขอบคุณความร่วมมือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

ไม่ว่าจะเป็นธนาคารแห่งประเทศไทย สมาคมธนาคารไทย สำนักงาน ปปง. ในการสร้างความเชื่อมั่นให้ระบบ E-Banking/Mobile Banking การป้องกันการโอนเงินผ่าน Remote control Application ที่คนร้ายใช้ และสำนักงาน กสทช. เร่งจัดการกับผู้ถือครองซิมจำนวนมากและยังไม่ลงทะเบียนให้ถูกต้องตามกฎหมาย และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ดำเนินคดีต่อผู้กระทำความผิด

ในส่วนของกรณีที่ลูกค้าที่ใช้บริการ ShopeePay Wallet สูญเงินจากบัญชี ตำรวจไซเบอร์อยู่ระหว่างการสืบสวนหาข้อเท็จจริง อย่างไรก็ตาม ฝากเตือนให้ประชาชนระวังการได้รับ SMS หรือข้อความต่างๆ ซึ่งอาจทำให้หลงเชื่อว่ามาจากผู้ให้บริการนั้นๆ ผ่านทางโทรศัพท์มือถือ ทั้งนี้ ผู้ใช้งานควรพิจารณาการติดต่อต่างๆ จะต้องติดต่อผ่านทางแอปของการบริการนั้นๆ เท่านั้น ไม่ควรติดต่อผ่านช่องทางอื่น