สำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กำหนดกรอบวงเงิน 2,000 ล้านบาท เร่งพัฒนาคลาวด์กลางภาครัฐ โดยคณะรัฐมนตรีได้อนุมัติงบประมาณสนับสนุน 1,100 ล้านบาท พร้อมผลักดันหน่วยงานรัฐกว่า 10,000 แห่ง เปิดช่องทางให้ประชาชนยื่นเอกสารสำคัญผ่านช่องทางออนไลน์ เพื่อก้าวเข้าสู่การเป็นรัฐบาลดิจิทัล
นายภุชพงค์ โนดไธสง เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กล่าวถึงภาพรวมของการดำเนินงานมาตลอดปี 2565 ว่า ทาง สดช.ได้เร่งผลักดันการพัฒนาขับเคลื่อนโครงการสำคัญๆ เพื่อเตรียมความพร้อมโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่ครอบคลุมทุกมิติ ผลักดันคนทุกกลุ่มสามารถเข้าถึงได้ ซึ่งจะสนับสนุนการขยายผลสู่การขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัล ให้ประเทศไทยมีโอกาสใหม่ๆ ในการเติบโตทางเศรษฐกิจ และยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนและสังคม สอดรับกับบริบทที่มีการเปลี่ยนแปลงไปของโลกยุคใหม่
สำหรับแผนงานในปี 2566 ทาง สดช. เตรียมขยายผลและต่อยอดรากฐานที่วางไว้ เพื่อเพิ่มศักยภาพการใช้ประโยชน์ได้เท่าทันเทคโนโลยีที่มีความเปลี่ยนแปลง ตลอดจนการเพิ่มความรู้ทักษะ และยกระดับศักยภาพบุคคล ทั้งในกลุ่มประชากรทั่วไป ประชากรในพื้นที่ห่างไกล และบุคลากรของรัฐ เพื่อให้เกิดการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีอย่างได้ประโยชน์สูงสุด
โดยนายภุชพงค์ กล่าวเพิ่มเติมว่า มี 8 โครงการสำคัญที่ สดช. ตั้งเป้าหมายดำเนินการ เพื่อให้สอดคล้องกับพลวัตทางเทคโนโลยี สถานการณ์เศรษฐกิจและสังคมของโลก และของประเทศไทย รวมทั้งแนวโน้มทิศทางการพัฒนาในอนาคต เพื่อนำประเทศไทยก้าวเข้าสู่ภูมิทัศน์การพัฒนาดิจิทัลระยะที่ 3 : Full Digital Transformation ในปี พ.ศ.2570 และก้าวเข้าสู่ระยะที่ 4 : Global Digital Leadership ซึ่งจะครอบคลุมตั้งแต่การพัฒนาศักยภาพบุคลากร และการพัฒนาทักษะความรู้ที่เกี่ยวข้องการใช้งานเทคโนโลยีดิจิทัล
นอกจากนี้ นายภุชพงค์ ยังได้กล่าวเพิ่มเติมว่า โครงการพัฒนาบริการโครงสร้างพื้นฐานและความมั่นคงปลอดภัยด้านดิจิทัล (Infrastructure and Security) กิจกรรมบริการระบบคลาวด์กลางภาครัฐ (Government Data Center and Cloud Service : GDCC) ในปี 2566 มีเป้าหมายที่จะยกระดับการให้บริการ GDCC จากบริการด้านโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure as a Service : IaaS) ที่บริการเครื่องคอมพิวเตอร์แม่ข่ายเสมือน (Virtual Machine) ไปสู่แบบบริการด้านแพลตฟอร์ม (Platform as a Service : PaaS) และบริการด้านซอฟต์แวร์ (Software as a Service : SaaS) ที่มีความหลากหลายของบริการยิ่งขึ้น ผ่าน GDCC Marketplace ให้หน่วยงานสามารถบูรณาการข้อมูลร่วมกันระหว่างแพลตฟอร์มได้สะดวกมากยิ่งขึ้น
โดยให้บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT เป็นผู้ดูแลระบบ ภายใต้กรอบวงเงิน 2,000 ล้านบาท ซึ่งทางคณะรัฐมนตรีได้อนุมัติงบประมาณไปแล้วจำนวน 1,100 ล้านบาท ซึ่งทาง สดช.จะต้องจัดสรรงบประมาณจากกองทุนดีอี เพื่อรองรับ 900 หน่วยงาน 3,000 ระบบ เพื่อมุ่งไปสู่การให้บริการของภาครัฐโดยภาพรวมที่มีมากกว่า 10,000 แห่ง มีช่องทางในการให้บริการกับประชาชนผ่านช่องทางออนไลน์อย่างน้อย 1 ช่องทาง ตามพระราชบัญญัติการบริหารงานและการให้บริการภาครัฐผ่านระบบดิจิทัล พ.ศ.2562 ที่จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 10 มกราคม 2566 เพื่อให้ภาครัฐก้าวเข้าสู่การเป็นรัฐบาลดิจิทัล
“สดช. มีความมุ่งมั่น ตั้งใจ พร้อมผสานพลังความร่วมมือจากทุกภาคส่วนเพื่อร่วมขับเคลื่อนในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ เพื่อให้ดิจิทัลไทยก้าวไกล และชีวิตคนไทยก้าวหน้า สร้างความยั่งยืนผ่านการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยียกระดับคุณภาพชีวิต เศรษฐกิจ สังคม และพัฒนาศักยภาพด้านการแข่งขันให้ประเทศไทย” นายภุชพงค์ กล่าวปิดท้าย