เดลล์ เทคโนโลยีส์ เปิดตัว Latitude Rugged Extreme เพื่อการทำงานที่ไร้ขีดจำกัด พระเอกคือ Latitude 7230 Rugged Extreme แท็บเล็ตที่ให้ความเชื่อถือได้พร้อมความปลอดภัย แม้กระทั่งในสภาพการทำงานที่สมบุกสมบันถึงขีดสุด รองรับได้ทั้งโรงงานอุตสาหกรรม หรือในรถพยาบาล ท่ามกลางทะเลทรายร้อนระอุ หรือสภาพหนาวเหน็บในขั้วโลกเหนือ
เพื่อความมั่นใจในการทำงาน มืออาชีพที่ทำงานในสภาพแวดล้อมที่ต้องเผชิญสถานการณ์ฉุกเฉินและสภาพแวดล้อมที่รุนแรงต่างต้องหาแท็บเล็ตสมบุกสมบันมาใช้งาน ล่าสุด คือ Dell Latitude Rugged รุ่นใหม่ Latitude 7230 Rugged Extreme ที่ถูกวางจุดขายเป็นแท็บเล็ตที่เชื่อถือได้รุ่นล่าสุดของกลุ่มผลิตภัณฑ์สำหรับคนทำงานในสภาพแวดล้อมที่ท้าทายที่สุดในปัจจุบัน
"แท็บเล็ตพรีเมียมนี้สร้างมาเพื่อการทำงานภาคสนามให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลที่โดดเด่น อีกทั้งให้ความน่าเชื่อถือในช่วงเวลาที่สำคัญ และทั้งหมดนี้สามารถทนต่อสภาพแวดล้อมที่สุดขั้วได้" เดลล์ระบุ
แท็บเล็ตรุ่นนี้ถูกการันตีว่ามีประสิทธิภาพการทำงานแบบเหนือชั้น ไม่ว่าจะอยู่ในสภาพแวดล้อมแบบใดก็ตาม โดยเฉพาะการใช้งานภาคสนามหรือในโรงงาน ที่ไม่ควรหมายถึงการยอมสละประสิทธิภาพด้านการทำงานหรือการเชื่อมต่อ
ด้วยฐานะของแท็บเล็ตสมบุกสมบัน (fully-rugged) ขนาด 12 นิ้ว ที่เบาที่สุดและทรงพลังที่สุดในตลาด 7230 Rugged Extreme มาพร้อมกับหน่วยประมวลผล Intel® Core สูงถึง i7 เจเนอเรชันที่ 12 และหน่วยประมวลผลภาพในตัว Iris Xe ที่ให้กำลังการทำงานอันทรงพลัง ผสานคุณสมบัตินี้เข้ากับความสามารถการเชื่อมสัญญาณไร้สายรุ่นใหม่ Wi-Fi 6E และรองรับ 2 ช่องสัญญาณ (dual broadband) ผู้ใช้สามารถเห็นการปรับปรุงความเร็วในขณะที่ลดการใช้พลังงานของแท็บเล็ตไปพร้อมกัน
แท็บเล็ตใหม่ยังมีการอัปเกรดระดับโลก เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ที่ต้องการความแข็งแกร่งทนทาน เดลล์พบด้วยว่า กลุ่มคนเหล่านี้ต้องการอุปกรณ์ที่สามารถไว้วางใจได้ ดังนั้น 7230 Rugged Extreme จึงไม่ได้หยุดอยู่แค่พลังของประสิทธิภาพ หากแต่ยังมาพร้อมกับการปรับปรุงอายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่ดียิ่งขึ้น ขนาดจอแสดงผลที่ใหญ่ขึ้น และความทนทานสมบุกสมบันในแบบของแท็บเล็ต Rugged ที่เป็นที่รู้จักกันเป็นอย่างดี
"ไม่ว่าสภาพแวดล้อมของคุณจะเป็นอย่างไร แท็บเล็ตให้อายุการใช้งานแบตเตอรี่สูงสุดถึง 20 ชั่วโมง พร้อมแบตเตอรี่ 2 ก้อนแบบถอดเปลี่ยนได้ทันที (hot-swap) เพื่อใช้งานของอุปกรณ์ได้อย่างต่อเนื่อง นี่คือสิ่งที่สำคัญเป็นอย่างยิ่งสำหรับการทำงาน ในโรงงานการผลิต ในกองทัพ สำหรับบุคลากรที่เป็นด่านหน้า และอื่นๆ อีกเป็นจำนวนมาก" เดลล์ระบุ
สำหรับหน้าจอแสดงผลที่มีสัดส่วนภาพ 16:10 เดลล์ระบุว่า ช่วยให้พื้นที่ใช้งานของหน้าจอเพิ่มขึ้น 13 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้านี้ ทำให้ 7230 Rugged Extreme มีพื้นที่หน้าจอใหญ่ที่สุดในแท็บเล็ต rugged ขนาด 12 นิ้ว แต่นั่นจะไม่มีความหมายอะไรเลยหากผู้ใช้มองไม่เห็นเนื้อหาที่แสดงบนหน้าจอ เพื่อให้การทำงานเป็นไปโดยสะดวก ผู้ใช้สามารถดูข้อมูลบนหน้าจอได้ท่ามกลางแสงแดดโดยหน้าจอมีค่าความสว่างสูงถึง 1200 นิต เพิ่มเติมคือสามารถใช้งานในขณะที่สวมถุงมือกับหน้าจอแบบสัมผัสและตอบโต้กับหน้าจอได้อย่างเหมาะสม
เมื่อกล่าวถึงอุปกรณ์ Dell Rugged สิ่งที่เลี่ยงไม่ได้คือความทนทานสมบุกสมบัน เพื่อให้แท็บเล็ตทนทานต่อสถานการณ์ที่หนักหน่วงมากที่สุด 7230 Rugged Extreme ได้ผ่านการทดสอบการตกจากที่สูง (drop-test) ในระดับความสูงถึง 4 ฟุต (1.2 เมตร) และผ่านการทดสอบความทนทานต่ออุณหภูมิตั้งแต่ -20F (-6.6 องศาเซลเซียส) ถึง 145F (62.7 องศาเซลเซียส) ได้มาตรฐานด้านการป้องกันในระดับ IP-65 ที่มีการป้องกันฝุ่น สิ่งสกปรก และน้ำ และตัวเลือกเพิ่มเติมให้สามารถรองรับสถานที่อันตรายได้ แม้กระทั่งในพื้นที่อันตรายอย่างสูงก็ไม่ใช่ปัญหาแต่อย่างใด
สำหรับเหตุการณ์ไม่คาดคิด แท็บเล็ต 7230 Rugged Extreme มาพร้อมกับ TPM 2.0 ControlVault ของเดลล์ที่ติดตั้งมากับตัวเครื่อง ซึ่งเป็นเครื่องมือการพิสูจน์ตัวตนระดับแอดวานซ์แบบฮาร์ดแวร์ ที่ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถรักษาความปลอดภัยและควบคุมข้อมูลด้วยการเข้ารหัสแบบบูรณาการ นอกจากนี้ ยังมีตัวเลือกเพื่อการรักษาความปลอดภัยเพิ่มเติมในการช่วยปกป้องข้อมูลที่ละเอียดอ่อนหรือเป็นความลับ ซึ่งรวมถึงเครื่องอ่านสมาร์ทการ์ดแบบสัมผัสหรือแบบไม่สัมผัส รวมไปถึงกล้องอินฟราเรดสำหรับการจดจำใบหน้าบน Microsoft Windows Hello และเครื่องอ่านลายนิ้วมือแบบสัมผัส
"ความสามารถรอบตัวนี้เป็นกุญแจสำคัญสำหรับการทำงานในสภาพแวดล้อมที่ไม่อาจคาดเดาได้ นั่นเป็นเหตุผลที่เราออกแบบพอร์ตของแท็บเล็ตให้สามารถกำหนดค่าสำหรับการเชื่อมต่อกับ Wi-Fi GPS และ WWAN พร้อมกันได้ โดยยังคงประสิทธิภาพของ 5G ไว้เพื่อการทำวิดีโอสตรีมมิ่งและการแชร์ไฟล์ที่รวดเร็วขึ้น แท็บเล็ต 7230 Rugged Extreme ยังสามารถปรับแต่งให้เข้ากับอุตสาหกรรมต่างๆ ได้เช่นเดียวกับโซลูชัน OEM ที่มาพร้อมตัวเลือกในการเพิ่มเครื่องสแกนบาร์โค้ด ตลอดจน HDMI หรือ Fischer USB หน่วยความจำสำรองแบบ NVMe SSD แบบดึงออกมาได้ (ความจุสูงสุดถึง 2TB) สามารถถอดออกและสับเปลี่ยนได้โดยไม่ต้องใช้เครื่องมือใดๆ เพื่อให้ความยืดหยุ่นมากยิ่งขึ้นในการจัดการแอปพลิเคชันภาคสนาม" เดลล์ย้ำ
ในด้านระบบนิเวศใหม่ของอุปกรณ์เสริมที่ทำให้ 7230 Rugged Extreme เหมาะกับทุกสถานการณ์ไม่ว่าจะงานอะไร จุดนี้เดลล์ย้ำว่าทราบดีเรื่องแท็บเล็ตเป็นเพียงส่วนหนึ่งของภาพขนาดใหญ่ของการสร้างผลิตภัณฑ์ที่มีความทนทานสมบุกสมบันเพื่อให้ผู้ใช้ที่ต้องพึ่งพาอุปกรณ์สามารถทำงานได้อย่างราบรื่นเต็มที่ นั่นคือเหตุผลที่แท็บเล็ต 7230 Rugged Extreme จึงมาพร้อมด้วยอุปกรณ์เสริมทั้งรุ่นใหม่และปรับปรุงใหม่ที่ช่วยสร้างความสมดุลในการพกพา สะดวกสบายต่อการใช้งานในเชิงสรีระศาสตร์ และความทนทาน
นอกจากนี้ แป้นพิมพ์ที่สามารถถอดได้ เชื่อมต่อโดยตรงผ่านสลักล็อกคู่ของแท็บเล็ต ให้ประสบการณ์การใช้คีย์บอร์ดขนาดมาตรฐานอย่างสมบูรณ์ หรืออีกทางเลือกหนึ่ง ปากกา (active pen) ทำให้เกิดความยืดหยุ่นและความหลากหลายที่จำเป็นสำหรับสถานการณ์ที่ต้องการการตอบสนองอย่างรวดเร็ว ด้วยความใส่ใจต่อประสิทธิผลการทำงานที่ดียิ่งขึ้น อุปกรณ์เสริมเพิ่มเติม เช่น สายสะพายไหล่ สายคล้องมือที่หมุนได้ 360 องศา และที่จับแบบแข็ง ช่วยให้มั่นใจว่าแท็บเล็ตจะกลายเป็นส่วนเสริมเพื่อการทำงานที่ราบรื่นให้ผู้ปฏิบัติงานและความต้องการในการใช้งานต่างๆ โดยไม่ต้องยุ่งยากกับการปรับแต่ง
ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของพอร์ตโฟลิโอที่กว้างที่สุดของระบบปลายทาง (edge) แท็บเล็ต 7230 Rugged Extreme จะวางจำหน่ายทั่วโลกภายในสิ้นปี 2022