การหลอกลวงออนไลน์ไม่ว่าจะเป็นในลักษณะการขโมยข้อมูลส่วนบุคคลหรือในรูปแบบฟิชชิ่ง (Phishing) หรือการล่อลวงให้เสียทรัพย์ในรูปแบบสแกม (Scam) มีมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งไม่ได้จำกัดอยู่แค่แพลตฟอร์ม สถานที่ หรือกลโกงเพียงแค่รูปแบบเดียว ปัจจุบันพวกสแกมเมอร์หรือมิจฉาชีพมีความเชี่ยวชาญในการหลอกลวงที่แยบยลขึ้นเป็นอย่างมาก การจะจัดการกับปัญหาเหล่านี้นับว่าเป็นเรื่องท้าทายที่ต้องลงมือทำอย่างต่อเนื่อง และทุกฝ่ายจะต้องทำงานร่วมกันจึงจะประสบความสำเร็จ
ทั้งนี้ ทวิตเตอร์ไม่เคยหยุดหรือลดความพยายามในการเสริมความปลอดภัยบนแพลตฟอร์ม โดยส่วนหนึ่งของการสร้างความปลอดภัยบนทวิตเตอร์คือ การให้ความรู้กับผู้คนเรื่องของความปลอดภัยบนโลกออนไลน์และการสร้างความปลอดภัยให้แอ็กเคานต์บนทวิตเตอร์อย่างต่อเนื่อง ทวิตเตอร์มักจะเผยแพร่คำแนะนำต่างๆ อยู่เสมอถึงการหลีกเลี่ยงพวกสแกมเมอร์ที่เป็นมิจฉาชีพ ทั้งการทวีต การทำเธรดจากแอ็กเคานต์ทางการของทวิตเตอร์ การลงบทความในศูนย์ความช่วยเหลือ รวมถึงการลงบทความในบล็อก
นอกจากนี้ งานที่สำคัญอีกส่วนหนึ่งของทวิตเตอร์คือ การบังคับใช้กฎของทวิตเตอร์ที่จะครอบคลุมดูแลจัดการเรื่องการแอบอ้างเป็นบุคคล เป็นกลุ่ม หรือเป็นองค์กรใดก็ตามที่สร้างความเข้าใจผิด ทำให้สับสน หรือหลอกลวงผู้อื่น หรือในการปลอมแปลงอัตลักษณ์ เพื่อเข้าไปสร้างความปั่นป่วนต่อประสบการณ์การใช้ทวิตเตอร์ของผู้อื่น นอกจากนี้ ทวิตเตอร์ยังได้ดำเนินการลบแอ็กเคานต์สแปมอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งดำเนินการล็อกแอ็กเคานต์ที่สงสัยว่าจะเป็นสแปมหากว่าแอ็กเคานต์เหล่านั้นไม่ผ่านการตรวจสอบว่าเป็นบุคคลจริง เช่น การยืนยันตัวตนแบบ CAPTCHA หรือการยืนยันตัวตนด้วยเบอร์โทรศัพท์ หรืออีเมล
ในการเป็นผู้ให้บริการด้านบทสนทนาสาธารณะ ทวิตเตอร์มีความเชื่อว่าการทำให้ผู้คนสามารถเห็นมุมมองที่แตกต่างกันเป็นเรื่องที่สำคัญ ด้วยเหตุนี้ทวิตเตอร์จึงมีความมุ่งมั่นที่จะสร้างสถานที่ที่ผู้คนสามารถค้นหาความคิดเห็นที่แท้จริงและสามารถไว้เนื้อเชื่อใจแอ็กเคานต์อื่นๆ ที่พวกเขาเลือกที่เข้าไปพูดคุยโต้ตอบหรือเข้าไปกดติดตามได้ เนื่องในเดือนแห่งการสร้างความตระหนักรู้ถึงความปลอดภัยทางไซเบอร์ ทวิตเตอร์จึงอยากแบ่งปันเคล็ดลับ 6 ข้อในการต่อสู้กับพวกสแกมเมอร์ และเพื่อสร้างความมั่นใจว่าคุณจะมีประสบการณ์ที่ปลอดภัยและสนุกกับการใช้งานบนทวิตเตอร์
1.ตั้งพาสเวิร์ดหรือรหัสผ่านให้
การปกป้องการเข้าถึงแอ็กเคานต์ทวิตเตอร์เป็นเรื่องที่จำเป็น วิธีง่ายๆ ในการปกป้องแอ็กเคานต์คือการตั้งรหัสผ่านที่มีความปลอดภัย โดยเลือกรหัสผ่านเข้าแอ็กเคานต์ทวิตเตอร์ให้แตกต่างจากรหัสผ่านอื่นๆ เช่น ตั้งรหัสผ่านที่ประกอบด้วยตัวอักษรอย่างน้อย 10 ตัวอักษร ถ้าจะให้ดีควรเป็นอักษรแบบสุ่ม และเก็บรักษารหัสผ่านให้ดี
2.เก็บรักษารายละเอียดการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลไว้เป็นความลับ
อย่าแชร์เบอร์โทรศัพท์ อีเมล ชื่อผู้ใช้งาน รหัสผ่าน หรือรหัสผ่านแบบ OTP กับบุคคลอื่น หรือถ้าหากมีเหตุผลที่เชื่อได้ว่าแอ็กเคานต์ของคุณกำลังถูกบุกรุก ให้รีบเปลี่ยนรหัสผ่านทันที
3.เปิดใช้การยืนยันตัวตน 2 ขั้นตอน
การยืนยันตัวตน 2 ขั้นตอน เป็นการเพิ่มความปลอดภัยให้แน่นหนาขึ้นอีกชั้นหนึ่ง ซึ่งในขั้นตอนที่เพิ่มเข้ามานี้จะต้องใช้รหัส หรือการใช้กุญแจรักษาความปลอดภัย ด้วยการกรอกรหัสผ่านอีกชั้นเพื่อที่จะเข้าใช้งานเพื่อสร้างความมั่นใจว่าจะมีเจ้าของแอ็กเคานต์เพียงผู้เดียวที่สามารถเข้าถึงแอ็กเคานต์ของตัวเอง การใช้กุญแจรักษาความปลอดภัยจึงเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในการปกป้องแอ็กเคานต์จากพวกสแกมเมอร์และการโจมตีแบบฟิชชิ่ง
4.การควบคุมและจัดการข้อความส่วนตัว
หากคุณได้รับข้อความส่วนตัว (DM) ที่ดูน่าสงสัยว่าจะเป็นมิจฉาชีพ ให้ลบข้อความนั้นทันที ห้ามกดดาวน์โหลดไฟล์แนบและห้ามคลิกลิงก์ที่ส่งมาเด็ดขาด รวมทั้งห้ามบอกข้อมูลในการล็อกอินเข้าสู่ระบบ จากนั้นให้เข้าไปตั้งค่าข้อความส่วนตัว เข้าไปจัดการตั้งค่าว่าคุณอนุญาตให้ใครสามารถส่งข้อความส่วนตัวถึงคุณได้บ้าง พึงระลึกไว้เสมอว่าคุณสามารถควบคุมการใช้ทวิตเตอร์ และสามารถเลือกที่จะไม่รับข้อความส่วนตัวใดๆ จากคนที่คุณไม่ได้กดติดตามได้ด้วยตนเอง
5.ส่งรายงานถึงทวิตเตอร์
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่คุณกำลังสงสัยว่าแอ็กเคานต์ของตัวเองกำลังถูกบุกรุกหรือการได้รับข้อความส่วนตัวที่เป็นสแปม คุณสามารถรายงานทวิตเตอร์ได้ทันที เนื่องจากการกระทำดังกล่าวเป็นการละเมิดกฎของทวิตเตอร์ หลังจากกดส่งรายงานแล้วทวิตเตอร์จะติดต่อคุณกลับผ่านทางแอปของทวิตเตอร์
หรือผ่านทางอีเมลที่ลงท้ายด้วย @twitter.com หรือ @e.twitter.com เท่านั้น ทวิตเตอร์ไม่มีทางขอให้คุณบอกรหัสผ่านการเข้าแอ็กเคานต์เด็ดขาด ไม่ว่าจะเป็นทางอีเมล ข้อความส่วนตัว หรือการตอบกลับข้อความ
6.คอยอัปเดตอยู่เสมอ
อัปเดตแอปทวิตเตอร์ ซอฟต์แวร์บนคอมพิวเตอร์ รวมทั้งอัปเดตเบราว์เซอร์ให้เป็นเวอร์ชันล่าสุดอยู่เสมอ เพื่อให้การใช้งานราบรื่นและมีประสิทธิภาพ