อินทัช - ไทยคม เผยคำตัดสินอนุญาโตตุลาการวินิจฉัยแล้วว่า ดาวเทียมไทยคม 7 และดาวเทียมไทยคม 8 ไม่ได้เป็นดาวเทียมภายใต้สัญญาดำเนินกิจการดาวเทียมสื่อสาร แต่เป็นดาวเทียมที่ได้รับใบอนุญาตจาก กสทช. จึงไม่ต้องดำเนินการตามที่กระทรวงดีอีเอสร้องขอ
นายจิตชาย มุสิกบุตร รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานบริหารด้านกฎหมายและเลขานุการบริษัท บริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ INTUCH เปิดเผยว่า ตามที่บริษัท และบริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) หรือ THCOM ได้ร่วมกันยื่นเสนอข้อพิพาทต่อสถาบันอนุญาโตตุลาการ สำนักงานศาลยุติธรรม เมื่อวันที่ 25 ต.ค.2560 เป็นข้อพิพาทหมายเลขดำ ที่ 97/2560 ระหว่างบริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) ที่ 1 บริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) ที่ 2 ผู้เรียกร้อง กับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ผู้คัดค้าน เพื่อให้วินิจฉัยชี้ขาด ว่า ดาวเทียมไทยคม 7 และไทยคม 8 เป็นดาวเทียมภายใต้สัญญาดำเนินกิจการดาวเทียมสื่อสารภายในประเทศ (สัญญาดำเนินกิจการดาวเทียมสื่อสารฯ) ฉบับลงวันที่ 11 ก.ย.2534 หรือไม่นั้น
หลังจากกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (กระทรวงดิจิทัลฯ) แจ้งว่าดาวเทียมไทยคม 7 และไทยคม 8 เป็นดาวเทียมภายใต้สัญญาดำเนินกิจการดาวเทียมสื่อสารภายในประเทศ (สัญญาดำเนินกิจการดาวเทียมสื่อสารฯ) ฉบับลงวันที่ 11 ก.ย.2534 และแจ้งให้บริษัทปฏิบัติตามสัญญาดำเนินกิจการดาวเทียมสื่อสารฯ ให้ครบถ้วน เช่น การโอนกรรมสิทธิ์และส่งมอบทรัพย์สิน การชำระเงินผลประโยชน์ตอบแทนและการประกันภัยทรัพย์สิน
ทั้งนี้ บริษัทขอแจ้งให้ทราบว่า เมื่อวันที่ 6 ต.ค.2565 บริษัทได้รับคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการ ลงวันที่ 29 ก.ย.2565 (เป็นข้อพิพาทหมายเลขแดงที่ 65-2565) ซึ่งมีมติเอกฉันท์ว่า ดาวเทียมไทยคม 7 และดาวเทียมไทยคม 8 มิได้เป็นดาวเทียมภายใต้สัญญาดำเนินกิจการดาวเทียมสื่อสารฯ แต่เป็นดาวเทียมที่ได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคมของคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ดังนั้น บริษัทจึงไม่มีหน้าที่ใดๆ ที่ต้องดำเนินการตามที่กระทรวงดิจิทัลฯ กล่าวอ้างหรือร้องขอตามที่เป็นข้อพิพาท