xs
xsm
sm
md
lg

Salesforce เผยกลยุทธ์ขยายฐานธุรกิจดิจิทัลไทย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ชาลส์ วูดอลล์
Salesforce มุ่งขยายฐานพันธมิตร เปิดแผนกลยุทธ์รองรับความต้องการธุรกิจยุคดิจิทัลในประเทศไทย

นายชาลส์ วูดอลล์ รองประธานอาวุโสฝ่ายพันธมิตรและช่องทางประจำเอเชียแปซิฟิกของเซลส์ฟอร์ซ หัวหน้าฝ่ายการขายทางอ้อมและทีมพันธมิตรประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกของเซลส์ฟอร์ซ เปิดแผนกลยุทธ์การเข้าถึงลูกค้าไทยของเซลส์ฟอร์ซด้วย ‘พันธมิตร’ ซึ่งเป็นหัวใจหลักของเซลส์ฟอร์ซในการสานต่อความสัมพันธ์ลูกค้าในการใช้โซลูชันของเซลส์ฟอร์ซอย่างมีประสิทธิภาพ

“Customer Success เป็นหนึ่งในค่านิยมหลักของเซลส์ฟอร์ซ เมื่อพูดถึงการใช้และการขายโซลูชันของเรา เราทราบดีว่าเซลส์ฟอร์ซไม่สามารถทำทั้งหมดนี้ได้อย่างเต็มที่ด้วยตัวของเราเอง ดังนั้นเราจึงต้องอาศัยการทำงานร่วมกับพันธมิตรของเรา ไม่ว่าจะเป็นพันธมิตรที่ปรึกษา (Consulting Partners) หน่วยงานดิจิทัล (Digital Agency) ผู้จำหน่ายซอฟต์แวร์อิสระ (Independent Software Vendors) ไปจนถึงคู่ค้า (Reseller) เนื่องจากพันธมิตรเหล่านี้มีความเชี่ยวชาญในการนำแอปต่างๆ และใช้ความชำนาญของพวกเขามาช่วยแก้ไขปัญหาของลูกค้าได้เป็นอย่างดี ดังนั้น การมีเครือข่ายพันธมิตรผู้เชี่ยวชาญทั้งในและต่างประเทศที่มีความเข้าใจลึกซึ้งเกี่ยวกับโซลูชัน Salesforce และมีความเชี่ยวชาญในตลาดท้องถิ่น จึงถือเป็นเครื่องมือสำคัญในการเสริมสร้างความสำเร็จของลูกค้าเรา” มร.ชาลส์ อธิบาย

มร.ชาลส์ เล่าถึงบทบาทของพันธมิตรไทยที่มีต่อการเติบโตของเซลส์ฟอร์ซและความสำเร็จของลูกค้าในประเทศไทยช่วงปีที่ผ่านมาว่าในปัจจุบันเซลส์ฟอร์ซกำลังร่วมงานกับพันธมิตรไทย เช่น Accenture Solution Thailand, Beryl8, iiG, M-Intelligence, Bluebik และ Round2 ซึ่งพันธมิตรเหล่านี้คอยให้ความสนับสนุนลูกค้าไทยในด้านการนำโซลูชันต่างๆ ของเซลส์ฟอร์ซมาปรับใช้เพื่อส่งเสริมประสิทธิภาพการทำงานและยกระดับความพึงพอใจของลูกค้าเซลส์ฟอร์ซได้อย่างเต็มที่ในโลกยุค New Normal ซึ่งลูกค้าไทยในปัจจุบันของเซลส์ฟอร์ซได้แก่ เคอรี่ โลจิสติคส์ ทิพยประกันภัย ทรูมันนี่ วอลเล็ท อนันตรา เวเคชั่น คลับ แสนสิริ วิริยะประกันภัย OfficeMate และ Roojai.com


มร.ชาลส์ อธิบายเพิ่มเติมว่า “ธุรกิจในยุคปัจจุบันมีความต้องการการซัปพอร์ตที่แตกต่างไปจากเดิม อีกทั้งยังมีเทคโนโลยีใหม่ๆ มากมายเกิดขึ้น เช่น ระบบคลาวด์สำหรับอุตสาหกรรม (Industry-based Cloud) ไปจนถึงซอฟต์แวร์สำหรับการสื่อสารและทำงานร่วมกันภายในทีม (Communication and Collaboration Software) เพื่อมารองรับการดำเนินงานบนโลกดิจิทัล ซึ่งเซลส์ฟอร์ซเองก็มีผลิตภัณฑ์อย่าง Slack และ Net Zero Cloud เพื่อมารองรับความต้องการเหล่านี้ แต่อย่างไรก็ตาม นอกจากเหนือจากผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ในตลาดแล้ว เซลส์ฟอร์ซยังต้องการพันธมิตรทางธุรกิจที่มีวิสัยทัศน์ที่สอดคล้องกับค่านิยมของเรา เพื่อร่วมกันให้บริการและการช่วยเหลือลูกค้า ช่วยปิดช่องว่าง และจัดการกับปัญหาในด้านการดำเนินงาน ระบบ หรือตอบสนองต่อความต้องการแบบเฉพาะของลูกค้าอย่างมีคุณค่า”

ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงแห่งยุคดิจิทัล มร.ชาลส์ กล่าวว่า หลายๆ ธุรกิจในประเทศไทยได้แสดงศักยภาพด้านเทคโนโลยีและดิจิทัลอย่างก้าวกระโดดเพื่อเอาตัวรอดและเดินหน้าสู่ความสำเร็จ ประเทศไทยเป็นหนึ่งในตลาดหลักของเซลส์ฟอร์ซในอาเซียน โดยเซลส์ฟอร์ซได้มีการลงทุนในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการเปิดออฟฟิศแห่งแรกในประเทศเพื่อสร้างการทำงานที่ใกล้ชิดกับลูกค้า และรองรับการเติบโตของยุคดิจิทัล ไปจนถึงร่วมงานกับหน่วยงานภาครัฐ อย่างสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa) ภายใต้โปรแกรม “Salesforce depa Career Kickstarter” เพื่อเสริมสร้างทักษะดิจิทัลให้นักศึกษาไทย เตรียมความพร้อมสู่การทำงานในตลาดยุคดิจิทัลทั้งในปัจจุบันและอนาคต

“ผลสำรวจของ IDC ประจำปี 2021 รายงานว่าภายในปี 2026 Salesforce Ecosystem หรือระบบนิเวศเซลส์ฟอร์ซจะสร้างรายได้ใหม่ให้แก่ธุรกิจในประเทศไทยถึง 1.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และงานใหม่กว่า 31,200 ตำแหน่ง และทุกๆ 1 ดอลลาร์สหรัฐที่เซลส์ฟอร์ซได้ พันธมิตรไทยจะได้ 6.28 ดอลลาร์สหรัฐอีกด้วย นอกจากนี้ 5th Small and Medium Business Trends Report ยังรายงานว่าในช่วงปีที่ผ่านมา ธุรกิจ SME ไทย 100% ได้ย้ายการดำเนินงานบางส่วนไปบนระบบออนไลน์ และธุรกิจ SME ไทยถึง 81% ได้เริ่มนำระบบ CRM มาใช้ ซึ่งเซลส์ฟอร์ซมองว่าตัวเลขดังกล่าวนี้เป็นโอกาสอันมีค่าสำหรับเรา เพราะเมื่อตลาดไทยกำลังก้าวสู่โลกดิจิทัล คลาวด์คอมพิวติ้งก็มีแนวโน้มที่จะได้การตอบรับที่ดีในตลาดไทยด้วยเช่นกัน ซึ่งเราต้องการเข้ามาสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลของลูกค้าไทยและช่วยต่อยอดให้พวกเขาประสบความสำเร็จในโลกดิจิทัลใหม่นี้อย่างเต็มที่”

มร.ชาลส์ อธิบายเพิ่มเติมว่า พันธมิตรของเซลส์ฟอร์ซคือส่วนสำคัญในการช่วยลูกค้าเซลส์ฟอร์ซสู่การเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล เนื่องจากลูกค้า 9 ใน 10 รายทั่วโลกล้วนพึ่งพาแอปและผู้เชี่ยวชาญจากพันธมิตรเซลส์ฟอร์ซ และการใช้งานโซลูชันเซลส์ฟอร์ซถึง 70% ก็ล้วนเป็นการชักนำโดยผู้เชี่ยวชาญระบบเซลส์ฟอร์ซที่ได้รับการรับรองจำนวน 132,000 คน

“เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลสามารถเกิดขึ้นได้ทุกรูปแบบ เราจึงต้องมีความพร้อมในการสนับสนุนลูกค้าไทยของเราทุกคน ไม่ว่าจะมาจากภาคส่วนใดก็ตาม และนี่คือเหตุผลที่เรามองหาพันธมิตรและบริษัทคู่ค้าที่มีความหลากหลายอย่างต่อเนื่อง โดยพวกเขาต้องสามารถทำความเข้าใจปัญหาและสรรหาวิธีแก้ไขปัญหาของลูกค้าได้อย่างเชี่ยวชาญ ซึ่งเรามีบริการ AppExchange เพื่อรองรับลูกค้าที่สนใจค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับระบบนิเวศพันธมิตรของเซลส์ฟอร์ซ ไปจนถึงการหาพันธมิตรหรือคู่ค้าที่เหมาะสมกับความต้องการของลูกค้าอีกด้วย” มร.ชาลส์ กล่าวทิ้งท้าย


กำลังโหลดความคิดเห็น