xs
xsm
sm
md
lg

Acer Next May 2022 กระหึ่ม! ยกพลจอ 3 มิติ-ขยายไลน์คอมพ์รักษ์โลก-พา OLED สู่เมนสตรีม

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



จุดพลุสวยงามสำหรับ Acer Next May 2022 งานเปิดตัวสินค้าใหม่ช่วงไตรมาส 2 ของเอเซอร์ (Acer) รอบนี้เอเซอร์ประกาศขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์รักษ์โลก "วีโร่" (Vero) เพื่อความยั่งยืน พร้อมกับการเปิดตัวคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะและวางตักหลากรุ่นที่ทำให้เทคโนโลยีจอโอแอลอีดี (OLED) กลายเป็นเมนสตรีมเต็มตัว ทั้งในตระกูล Acer Swift 3 และจอแสดงผล OLED สำหรับไลน์ผลิตภัณฑ์ ConceptD 5 ที่น่าทึ่งที่สุดคือการเพิ่มความสามารถของจอแสดงผล 3 มิติ Stereoscopic 3D ด้วยจอแสดงภาพ SpatialLabs View Series เป็นการนำเทคโนโลยี 3D ของ SpatialLabs มาสู่กลุ่มผลิตภัณฑ์เกมอย่าง Predator ได้อย่างน่าสนใจ

สินค้าใหม่ที่ถูกประกาศในงาน Acer Next ปีนี้ถูกมองว่าส่วนใหญ่เป็นการรีเฟรช เพื่อให้ผู้ใช้เห็นการอัปเดตสำหรับรุ่นที่จำหน่ายอยู่ในขณะนี้ เช่น แล็ปท็อปเกม Spin 5, Swift 3 และ Predator ซึ่งปรับให้ใช้โปรเซสเซอร์รุ่นใหม่ขึ้นและปรับแต่งการออกแบบบางอย่าง อย่างไรก็ตาม การเคลื่อนไหวที่โดดเด่นคือการขยายเทคโนโลยี SpatialLabs เพื่อนำภาพ 3D แบบไม่ต้องใช้แว่นตา มาประยุกต์ใช้ในวงการเกมและการออกแบบ โดยนำเสนอผ่านจอแสดงผล 4K ขนาด 15 นิ้ว ซึ่งเป็นจอภาพแบบสแตนด์อะโลน

เอเซอร์ระบุว่า SpatialLabs เหมาะกับทั้งเกมเมอร์และนักออกแบบ ซึ่งจะได้ประโยชน์จากกลุ่มผลิตภัณฑ์ stereoscopic 3D โดย Acer SpatialLabs View จะช่วยลดช่องว่างแบบมืออาชีพ พร้อมนำ stereoscopic 3D ไปสู่เกมบน PC มีเดียคอนเทนต์ รวมถึงเนื้อหาต่างๆ ที่ผู้ใช้งานสร้างขึ้นเอง ขณะเดียวกัน ยืนยันว่า Acer SpatialLabs View Pro ได้รับการออกแบบมาเพื่อรองรับทุกขั้นตอนการทำงานเชิงพาณิชย์ ตั้งแต่การเริ่มสร้างสรรค์ผลงานภายในองค์กร ไปจนถึงการติดตั้งแบบถาวรเพื่อการนำเสนอผลงานในสถานที่ต่างๆ จุดนี้มีการเปิดตัว SpatialLabs TrueGame ในฐานะแอปพลิเคชันใหม่สำหรับเกมเมอร์ เพื่อรับประสบการณที่มากยิ่งขึ้นด้วยการสร้างมุมมองรูปแบบใหม่ในรูปแบบ 3 มิติ

มุมมองด้านหลังของจอภาพแบบพกพา SpatialLabs View
ในงานนี้ เอเซอร์ประกาศเปิดตัวกลุ่มผลิตภัณฑ์ SpatialLabs เพิ่มเติม 2 รายการ ได้แก่ Acer SpatialLabs View สำหรับความบันเทิงส่วนบุคคล และ Acer SpatialLabs View Pro สำหรับการใช้งานในเชิงพาณิชย์ โดยทั้ง 2 รุ่นเป็นจอมอนิเตอร์ 4K ขนาด 15.6 นิ้ว แบบสแตนด์อะโลนที่สามารถเชื่อมต่อเข้ากับพีซีเครื่องอื่นได้ ทำให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึง SpatialLabs แบบพกพาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งานได้อย่างเต็มที่ซึ่งไม่ได้มีไว้สำหรับนักออกแบบมืออาชีพที่มีความชำนาญสูงเพียงเท่านั้น อุปกรณ์ในรุ่นนี้ยังนำเอาเทคโนโลยีการแสดงภาพแบบ 3D แบบไม่ต้องใช้แว่นตา มาใช้กับเกมเมอร์และผู้ที่ชื่นชอบความบันเทิงภายในบ้านอีกด้วย

เอเซอร์เชื่อว่านักออกแบบและเกมเมอร์จะต้องประทับใจในการออกแบบที่มีน้ำหนักเบาของซีรีส์นี้ น้ำหนักที่น้อยกว่า 1.5 กก./3.3 ปอนด์ ทำให้ง่ายต่อการพกพาในการนำไปต่อกับ LAN อื่นหรือใช้ในการนำไปทำการนำเสนอผลิตภัณฑ์ต่างๆ โดยเฉพาะนักออกแบบสามารถใช้ขอบเขตของสีบน Adobe RGB ในการออกแบบครอบคลุม 100% ส่วนเกมเมอร์จะต้องชื่นชอบในความสว่าง 400 นิตของอุปกรณ์นี้เช่นกัน

SpatialLabs เป็นสินค้าที่ถูกเปิดตัวเมื่อเดือนพฤษภาคมปีที่แล้ว ขณะที่แอปเสริม SpatialLabs Go จะช่วยให้คอมพิวเตอร์สามารถเรนเดอร์ภาพ 3 มิติจากเนื้อหาส่วนใหญ่ที่สามารถแสดงแบบเต็มหน้าจอได้ จุดนี้เอเซอร์กล่าวว่า กว่า 50 เกมจะรองรับการแสดงผลของ Acer SpatialLabs View ซึ่งจะวางจำหน่ายในกลางปีนี้โดยเริ่มที่ 1,099 ดอลลาร์ (ราว 38,058 บาท) แต่ยังไม่เหมาะกับเกมที่เคลื่อนไหวเร็ว เนื่องจากอัตราการรีเฟรช 60Hz และเวลาตอบสนอง 30ms ขณะที่รุ่น SpatialLabs View Pro เวอร์ชันเชิงพาณิชย์จะถูกปรับใช้สำหรับตู้คีออสก์ รวมถึงการใช้งานด้านการขายและการตลาดอื่นๆ

***ขยายไลน์รักษ์โลก

งานปีนี้มีการเปิดตัวสมาชิกใหม่ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมของเอเซอร์อย่าง Aspire Vero โดยมีโน้ตบุ๊ก 2 รุ่นใหม่ที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อความยั่งยืน มาพร้อมโปรเซสเซอร์รุ่นล่าสุด 12th Gen Intel Core จอแสดงผล Full HD ขนาด 14 นิ้วและ 15 นิ้ว มีให้เลือกหลากสีสัน นอกจากนี้ ยังมี Veriton Vero เดสก์ท็อปออลอินวันเพื่อธุรกิจ จอแสดงผล Full HD IPS ขนาด 24 นิ้ว พร้อมดีไซน์ขอบจอบางเฉียบ ให้อัตราส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่อง 88%

กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมของเอเซอร์อย่าง Aspire Vero กำลังมีสมาชิกใหม่
ที่สำคัญคือ Vero Monitors จอมอนิเตอร์ IPS ขนาด 23.8 นิ้ว และ 27 นิ้ว บนดีไซน์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

เมาส์และคีย์บอร์ด Vero พร้อมปุ่มแบบ near-silent ลดเสียงรบกวนจากการพิมพ์และการคลิกเมาส์ Vero PD2325W โปรเจกเตอร์ที่ให้ความชัดเจนและแม่นยำ อัตราส่วนคอนทราสต์ที่สูงถึง 2,000,000:1 และขอบเขตสีที่กว้างขวาง 125% Rec. 709 ผลิตภัณฑ์ทั้งหมดใช้พลาสติกรีไซเคิลและบรรจุภัณฑ์ที่สามารถรีไซเคิลได้

เอเซอร์ระบุว่า การเปิดตัวผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ในตระกูล Vero ที่มุ่งเน้นการใส่ใจสิ่งแวดล้อมนี้เป็นการตอกย้ำความมุ่งมั่นของเอเซอร์ในการสนับสนุนการสร้างอนาคตที่ยั่งยืนมากขึ้น ด้วยการนำเสนอทางเลือกที่หลากหลายให้แก่ผู้บริโภค องค์กรธุรกิจ และสถาบันต่างๆ ในการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมด้วยโน้ตบุ๊ก Aspire Vero รุ่นใหม่ รวมไปถึงเดสก์ท็อปออลอินวัน (AIO) จอภาพโปรเจกเตอร์ และอุปกรณ์ต่อพ่วง ใช้พลาสติกรีไซเคิลที่ผลิตจากพลาสติกที่ผ่านการใช้งานจากผู้บริโภค (Post-Consumer Recycled - PCR) รวมถึงขยะพลาสติกในทะเล (Ocean-bound Plastic - OBP) และบรรจุภัณฑ์ที่สามารถรีไซเคิล ในผลิตภัณฑ์พิวเตอร์สามารถถอดแยกชิ้นส่วนได้อย่างง่ายดาย ซึ่งจะช่วยเพิ่มความสะดวกในการซ่อมแซมหรืออัปเกรด และยืดอายุการใช้งานของอุปกรณ์ โดยไม่มีการลดทอนประสิทธิภาพของอุปกรณ์

Acer Veriton all-in-one พร้อมอุปกรณ์เสริมที่เข้าชุดกัน
ราคาและการวางจำหน่ายโน้ตบุ๊ก Acer Aspire Vero (AV14-51) จะวางจำหน่ายในสหรัฐฯ ในเดือนกันยายน 2565 ราคาเริ่มต้น 749.99 ดอลลาร์ (ราว 25,972 บาท) ก่อนจะขยายไปยังพื้นที่อื่น นอกจากโน้ตบุ๊ก ยังมีออลอินวัน Acer Veriton Vero (VVZ4694G) ที่จะวางจำหน่ายในสหรัฐฯ ในเดือนตุลาคม ราคาเริ่มต้น 799 ดอลลาร์ (ราว 27,702 บาท) ซึ่งจะทำตลาดร่วมกับ จอมอนิเตอร์ โปรเจกเตอร์ ชุดคีย์บอร์ดและเมาส์ภายใต้แบรนด์ Acer Vero ตั้งแต่ช่วงไตรมาส 3 ของปีนี้เป็นต้นไป

***ได้เวลา OLED เป็นเมนสตรีม

เอเซอร์เปิดตัว Acer Swift 3 OLED โดยบอกว่าเป็นการผนึกพลังขับเคลื่อนด้วยโปรเซสเซอร์ 12th Gen Intel Core H-Series ขณะเดียวกัน ก็โชว์ตัวคอนเวอร์ทิเบิลโน้ตบุ๊ก Acer Spin 5 และ Acer Spin 3 ถือเป็นการเปิดตัวโน๊ตบุ๊กใหม่ในซีรีส์ยอดนิยม Swift และ Spin ที่มาคู่กับระบบปฏิบัติการ Windows 11

ด้วย Acer Swift 3 ใหม่ OLED กำลังผันตัวสู่กระแสหลักหรือเมนสตรีม
ในส่วน Acer Swift 3 OLED จะขับเคลื่อนด้วยขุมพลัง 12th Gen Intel Core H-series และผ่านการรับรองจากแพลตฟอร์ม Intel Evo ขณะที่ Acer Spin 5 เป้นคอนเวอร์ทิเบิลโน้ตบุ๊กที่ผ่านการรับรองจาก Intel Evo หน้าจอสัมผัสขนาด 14 นิ้ว ความละเอียด WQXGA (2560x1600) อัตราส่วนหน้าจอ 16:10 ดีไซน์สำหรับผู้ที่ต้องการอุปกรณ์บางเบาแต่ทรงพลังสำหรับงานสร้างสรรค์ ด้าน Acer Spin 3 จะเป้นคอนเวอร์ทิเบิลโน้ตบุ๊ก โน้ตบุ๊ก 2-in-1 Full HD ที่มาพร้อมกับ Acer Active Stylus จัดเก็บได้ในตัว เพื่อการวาดเขียนได้ทุกเวลา

Spin 5 มีจอแสดงผลที่มีความละเอียดสูงขึ้น พร้อมขอบจอที่บางลง
Acer Swift 3 OLED (SF314-71) จะเริ่มวางจำหน่ายในสหรัฐอเมริกาในเดือนกรกฎาคมปีนี้ ราคาเริ่มต้นที่ 899.99 เหรียญสหรัฐ (ราว 31,166 บาท) ขณะที่ Acer Spin 5 (SP514-51N) เริ่มวางจำหน่ายในสหรัฐอเมริกาในเดือนกรกฎาคม ราคาเริ่ม 1,349.99 เหรียญสหรัฐ (ราว 46,750 บาท) ด้าน Acer Spin 3 (SP314-55/N) จะวางจำหน่ายในสหรัฐอเมริกาในเดือนสิงหาคม ราคาเริ่มต้น 849.99 เหรียญสหรัฐ (ราว 29,435 บาท)

***จอ OLED จับคู่ ConceptD 5

งานนี้เอเซอร์ไม่เพียงประกาศเพิ่มประสิทธิภาพใน ConceptD โน้ตบุ๊ก และเดสก์ท็อป ด้วยโปรเซสเซอร์รุ่นล่าสุด 12th Gen Intel Core และกราฟิกการ์ด NVIDIA RTX แต่ยังมีการแนะนำจอแสดงผล OLED สำหรับกลุ่มผลิตภัณฑ์ ConceptD 5 ด้วย

ConceptD 500 Desktop: การสร้างสรรค์ที่ไร้ขีดจำกัด
เอเซอร์ระบุว่า การเพิ่มประสิทธิภาพของโน้ตบุ๊ก ConceptD 5 และ ConceptD 5 Pro ด้วยส่วนประกอบประสิทธิภาพสูงใหม่ล่าสุดอย่างจอแสดงภาพ OLED ขนาด 16 นิ้ว นั้นทำให้ได้เห็นภาพสดใสราวคริสตัล โดยมาพร้อมกับระบบประมวลผล 12th Gen Intel Core i7 processor และ NVIDIA RTX A5500 GPU หรือ NVIDIA GeForce RTX 3070 Ti GPU ขณะที่ ConceptD 500 โมเดลใหม่นั้นใช้ระบบประมวลผล 12th Gen Intel Core i9 processor และ NVIDIA RTX A4000 GPU และ GeForce RTX 3070 GPU คู่กับหน่วยความจำ DDR4 3200 Mhz สูงสุด 128 GB พร้อมด้วยพื้นที่จัดเก็บข้อมูล M.2 Gen 4 SSD สูงสุด 4 TB บนฮาร์ดดิสก์สูงสุด 4 TB

ConceptD 100 Desktop: ดีไซน์กะทัดรัด ที่มาพร้อมกับฟีเจอร์เต็มขนาด
ขณะที่ ConceptD 100 เป็นเดสก์ท็อปที่มาพร้อมพลังประมวลผล 12th Gen Intel Core i5 หรือ Core i7 processor และ NVIDIA T400 GPU หรือ T1000 GPU และยังรองรับหน่วยความจำ DDR4 3200 Mhz สูงสุด 128 GB พร้อมทั้งรองรับฮาร์ดดิสก์สูงสุด 2 TB 7200 RPM และรองรับ M.2 PCI-e/Gen 4 SSD สูงสุด 2 TB

ConceptD 5 (CN516-73G) เริ่มวางจำหน่ายในอเมริกาเหนือในเดือนสิงหาคม เริ่มต้นที่ 2,499.99 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 86,574 บาท) ขณะที่ ConceptD 5 Pro (CN516-73P) เริ่มวางจำหน่ายในตะวันออกกลาง EMEA ในเดือนกันยายน เริ่มต้นที่ 2,599 ยูโร พร้อมกับ ConceptD 500 เริ่มวางจำหน่ายก่อนที่ยุโรป ตะวันออกกลาง และแอฟริกา (EMEA) ในเดือนกันยายน เริ่มต้นที่ 1,199 ยูโร ด้าน ConceptD 100 เริ่มวางจำหน่ายใน EMEA ในเดือนกันยายน เริ่มต้นที่ 999 ยูโร หรือราว 43,620 บาท และ 36,350 บาทตามลำดับ
กำลังโหลดความคิดเห็น