ดีป้าเปิดตัว ‘eatsHUB’ แพลตฟอร์มเรียกรับส่งอาหารสัญชาติไทย ชูเป็นแพลตฟอร์มแห่งชาติ เหตุรัฐร่วมลงทุน 40 ล้านบาท ถือหุ้น 20% ชูจุดเด่นคิดส่วนแบ่งจากร้านค้า 8-10% เดินหน้าขยายพื้นที่ให้บริการครอบคลุมกรุงเทพฯ และปริมณฑลภายในสิ้นเดือน ก.ค. ตั้งเป้าประชาชนลงทะเบียนเข้าใช้แพลตฟอร์มกว่า 500,000 ราย มีจำนวนการเข้าใช้งานมากกว่า 5,000,000 ครั้ง และช่วยสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจได้กว่า 500 ล้านบาทภายในปีแรก
นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) กล่าวว่า eatsHUB แพลตฟอร์มเรียกรับส่งอาหารสัญชาติไทย นับเป็นแพลตฟอร์มแห่งชาติที่รัฐบาลโดยสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือดีป้า หน่วยงานภายใต้กระทรวงดีอีเอสเป็นผู้ร่วมลงทุนภายใต้งบประมาณของกองทุนดีอีด้วยจำนวนเงิน 40 ล้านบาท เพื่อต้องการสนับสนุนให้ประเทศไทยมีแพลตฟอร์มของคนไทย สนับสนุนคนไทย สามารถแข่งขันกับต่างชาติได้ ผู้ประกอบการและลูกค้าจะไม่ถูกเอาเปรียบด้วยการคิดค่าส่วนแบ่งรายได้แพงแบบแพลตฟอร์มของต่างชาติ ทั้งนี้ รัฐบาลจะเร่งส่งเสริมในด้านอื่นๆ เพิ่มเติมด้วย ไม่ว่าจะเป็นด้านการท่องเที่ยว ด้านการเกษตร
นายณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผู้อำนวยการใหญ่ดีป้า เปิดเผยว่า ดีป้า ร่วมกับบริษัท ฟู้ด ออเดอรี่ จำกัด บริษัทในเครือทีวี ไดเร็ค ดำเนินโครงการ National Delivery Platform โดยการพัฒนา eatsHUB แพลตฟอร์มเรียกรับส่งอาหารสัญชาติไทย เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการร้านอาหาร พนักงานรับส่งอาหาร (ไรเดอร์) รวมถึงผู้สนใจเป็นพนักงานรับส่งอาหาร และตอบสนองไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคในปัจจุบัน ด้วยการสนับสนุนเงินจากกองทุนดีอี จำนวน 40 ล้านบาท โดยดีป้าเข้าไปถือหุ้น 20% ขณะที่ฟู้ด ออเดอรี่ ลงทุน 40 ล้านบาท ที่เหลือเงินลงทุนมาจากการระดมทุนของเอกชนเองซึ่งปัจจุบันระดมทุนได้ประมาณ 80 ล้านบาท
สำหรับจุดเด่นของ eatsHUB คือการเรียกเก็บค่าส่วนแบ่งรายได้ (GP) จากร้านค้าสมาชิกประมาณ 8-10% ต่ำกว่าอัตราการเรียกเก็บ 30% ของแพลตฟอร์มอื่น ซึ่งปัจจัยดังกล่าวทำให้ร้านค้าสมาชิกมีต้นทุนในอัตราที่แข่งขันได้ สามารถนำเงินทุนมาต่อยอดเพื่อเพิ่มยอดขาย ขณะที่ผู้บริโภคจะได้รับอาหารในราคาที่ใกล้เคียงกับการซื้อจากหน้าร้าน โดยประมาณการว่าจะมีประชาชนลงทะเบียนเข้าใช้แพลตฟอร์ม eatsHUB กว่า 500,000 รายทั่วประเทศ มียอดการเข้าใช้งานมากกว่า 5,000,000 ครั้ง ช่วยสร้างอาชีพพนักงานรับส่งอาหารกว่า 2,000 ราย และเกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจกว่า 500 ล้านบาทในปีแรกของการเปิดให้บริการ
ด้านนายธรรมนิตย์ ขำวังยาง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ฟู้ด ออเดอรี่ กล่าวว่า eatsHUB พร้อมให้บริการนำร่องในพื้นที่กรุงเทพฯ 4 เขต ประกอบด้วย บางเขน จตุจักร ลาดพร้าว และสวนหลวง และจะขยายพื้นที่ให้บริการครอบคลุมทั่วกรุงเทพฯ และปริมณฑลภายในสิ้นเดือนกรกฎาคมนี้ จากนั้นจะเริ่มขยายพื้นที่ให้บริการไปในต่างจังหวัด
โดยในปีแรก eatsHUB จะสามารถให้บริการได้ครอบคลุมหัวเมืองใหญ่ 18 จังหวัด ประกอบด้วย กรุงเทพมหานครพระนครศรีอยุธยา เชียงใหม่ นครสวรรค์ พิษณุโลก นครศรีธรรมราช เพชรบุรี สุราษฎร์ธานี ภูเก็ต สงขลา ชลบุรีจันทบุรี ระยอง นครราชสีมา ขอนแก่น อุดรธานี อุบลราชธานี และนครพนม โดยในช่วงเปิดตัวจะมีร้านค้าเข้าร่วมให้บริการในแพลตฟอร์มมากกว่า 20,000 ร้าน โดยในปีแรกใช้งบประมาณในการทำการตลาด 50 ล้านบาท
นายธรรมนิตย์ กล่าวต่อว่า จุดเด่นของ eatsHUB ที่จะช่วยสร้างมาตรฐานใหม่ให้ผู้ประกอบการร้านอาหารประกอบด้วย การเรียกเก็บค่า GP ที่ต่ำ หรือประมาณ 8-10% ซึ่งถือว่าต่ำกว่าแพลตฟอร์มทั่วไป ร้านค้าที่เข้าร่วมจะได้รับเงินโอนค่าสินค้าในวันถัดไป โดยไม่มีขั้นต่ำ มีระบบโปรโมชันช่วยส่งเสริมการขายที่วิเคราะห์จาก Big Data ข้อมูลสมาชิก มีระบบคอลเซ็นเตอร์เพื่อรับออเดอร์ลูกค้าให้ร้านค้า สำหรับผู้ที่ไม่ถนัดใช้เทคโนโลยี และเป็นแพลตฟอร์มที่เกิดจากความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน จึงมีความน่าเชื่อถือและสามารถตอบโจทย์ผู้ใช้บริการได้อย่างตรงจุด ที่สำคัญควบคุมมาตรฐานการให้บริการของร้านค้าสมาชิกให้จำหน่ายสินค้าอย่างเป็นธรรมในปริมาณที่ไม่แตกต่างจากการรับประทานที่หน้าร้าน