เอ็นทีที ดาต้า (NTT DATA) มั่นใจไทยมีศักยภาพมุ่งสู่โลกการเงินดิจิทัล ชี้เทรนด์ใช้จ่ายบัตรเครดิตด้วย QR Payment กำลังมาแรง แนะองค์กรเร่งอัประบบรับเทรนด์ใหม่
นายฮิโรนาริ โทมิโอกะ ประธานกรรมการและประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอ็นทีที เดต้า (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ประเทศไทยมีศักยภาพในการพัฒนาเข้าสู่โลกการเงินดิจิทัลได้อย่างรวดเร็ว เนื่องจากมีความพร้อมด้านเทคโนโลยี ผู้ประกอบการรายเดิม แบงก์พาณิชย์ขนาดใหญ่มีกลยุทธ์ปรับตัวรับโลกการเงินยุคใหม่ รวมทั้งเกิดผู้ประกอบการฟินเทคและสตาร์อัป และเกิดการร่วมมือของทั้ง 3 ภาคส่วน พัฒนาส่งเสริมระบบนิเวศการเงินดิจิทัลด้วยนวัตกรรมการเงินรูปแบบใหม่ที่รุดหน้าได้อย่างรวดเร็ว ด้านผู้บริโภคไทยมีความคุ้นชินกับบริบทใหม่ของการจับจ่ายเงินแบบไร้เงินสดมากขึ้นผ่าน e-Payment หรือ Digital Payment เกือบทุกรูปแบบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการจ่ายเงินผ่านการสแกน QR Payment แทนการใช้เงินสดที่มีความสะดวกรวดเร็วปลอดภัย และฟรีค่าธรรมเนียม ตอบโจทย์การใช้จ่ายของผู้บริโภคในภาวะการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา
จากข้อมูลของธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท. มีจุดชำระเงินผ่าน Thai QR Payment มากกว่า 7.4 ล้านจุด (ส.ค.2563) ครอบคลุม ห้างสรรพสินค้า ร้านค้าขนาดกลางไปจนถึงขนาดเล็ก บริการภาครัฐ โรงพยาบาล สถาบันศึกษา บริการคมนาคมขนส่ง รวมไปถึงโครงการระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์ (e-Donation) โดยในปี 2563 ประเทศไทยมีปริมาณธุรกรรมผ่าน Thai QR Payment มากถึง 13.39 ล้านรายการ ซึ่งเติบโตขึ้นจากปี 2562 ถึง 49.14%
บริษัท เอ็นทีที เดต้า (ประเทศไทย) จำกัด นั้นเป็นบริษัทภายใต้เครือบริษัท เอ็นทีที เดต้า คอร์ปอเรชัน จำกัด ผู้นำด้านธุรกิจดิจิทัลและบริการด้านไอทีชั้นนำระดับโลก ระบุอุตสาหกรรมการเงินไทยยังทรงศักยภาพมีความพร้อมมุ่งสู่โลกการเงินดิจิทัล จับตาเทรนด์จ่ายบัตรเครดิตด้วย QR Payment มาแรงหลังคนไทยคุ้นชิน สแกนชำระสินค้าผ่าน PromptPay เผยผู้ให้บริการ ธนาคาร ผู้ประกอบการให้สินเชื่อรายย่อยพร้อมลงทุนระบบชำระค่าสินค้าด้วยบัตรเครดิต ด้วยการสแกน QR Payment แนะคำนึงถึงความปลอดภัยและเตรียมระบบรองรับเทรนด์ใหม่ๆ เช่น คริปโต เคอร์เรนซี (Crypto Currency) สบช่องรุกเสนอบริการชำระเงินครบวงจรตั้งแต่ต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำ
อย่างไรก็ดี จากพฤติกรรมดังกล่าวเป็นปัจจัยกระตุ้นให้เกิดการลงทุนในระบบเพื่อรองรับความต้องการใช้จ่าย QR Payment ผ่านบัตรเครดิต ซึ่งปัจจุบันประเทศไทยมีจำนวนบัตรเครดิตเกือบ 20 ล้านบัตร และสินเชื่อรายย่อยประเภทอื่นๆ เช่น บัตรกดเงินสด สินเชื่อส่วนบุคคล รวมไปถึงการชำระเงินข้ามประเทศผ่าน QR Payment ที่เพิ่มมากขึ้นเนื่องจากมีความสะดวก รวดเร็วและปลอดภัยนอกเหนือจากการทำธุรกิจกรรมรูปแบบเดิม โดยกลุ่มธุรกิจธนาคาร บัตรเครดิต ผู้ประกอบการกลุ่มสินเชื่อรายย่อย รวมไปถึงผู้ประกอบการศูนย์การค้า ร้านค้าขนาดใหญ่ ขนาดกลางไปจนถึงขนาดเล็ก ลงทุนปรับปรุงระบบให้สอดรับกับความต้องการผู้บริโภคในยุคการเงินดิจิทัลและยังช่วยลดต้นทุนด้านฮาร์ดแวร์ และการจัดการให้ผู้ให้บริการและผู้ประกอบการอีกด้วย ซึ่งการพัฒนาปรับปรุงระบบต้องคำนึงถึงความสะดวกรวดเร็ว บนความปลอดภัยสูงสุด ไปพร้อมกับการเตรียมระบบรองรับการต่อยอดสู่บริการชำระเงินรูปแบบใหม่ในอนาคต เช่น ชำระเงิน QR Payment รวมไปถึงการศึกษาระบบชำระเงินด้วย Crypto Currency หรือสินทรัพย์ดิจิทัล ซึ่งเป็นเทรนด์ใหม่ของโลกการเงินดิจิทัล และ NTT DATA สามารถพัฒนาเชื่อมต่อระบบการชำระเงินเหล่านี้ได้ทั้งหมด
ทั้งนี้ NTT DATA เป็นหนึ่งในผู้ให้บริการรายสำคัญที่ให้บริการโซลูชันการชำระเงินทุกรูปแบบรวมถึงการชำระเงิน บัตรเครดิต และการชำระเงินข้ามประเทศ ด้วยบริการชำระเงินแบบครบวงจร (end-to-end) ตั้งแต่การให้คำปรึกษา ออกแบบ จัดหา และการพัฒนาโซลูชันเทคโนโลยีการชำระเงิน และการประมวลผลบัตร ระบบชำระเงินผ่านมือถือ รวมถึงระบบธุรกิจอัจฉริยะ และระบบ Data Analytic รวมไปถึง Business Intelligence ซึ่งจะช่วยต่อยอดจากการเก็บข้อมูลจับจ่ายของผู้บริโภค มาทำการวิเคราะห์เพื่อคาดการณ์ธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับการชำระเงิน เน้นการนำเสนอโซลูชันที่มีนวัตกรรมทางเทคโนโลยี ซึ่งใช้ทรัพยากรและประสบการณ์เฉพาะทางในการปรับใช้โซลูชันการชำระเงิน ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการลงทุน และเพิ่มผลตอบแทนสูงสุด เพื่อสนับสนุนธุรกิจการเงินด้วยการเพิ่มความคล่องตัว ผ่านการผสานการทำงานบนแพลตฟอร์มที่หลากหลาย
ส่วนแรก 1.ระบบ Card Management System (Issuing) เพื่อบริหารจัดการบัญชีให้ลูกค้าปลายทางผู้ถือบัตร ครอบคลุมทั้ง Visa, MasterCard, UnionPay และ JCB ช่วยให้สามารถออกบัตรต่างๆ ได้หลากหลาย รวมไปถึงรูปแบบ Non-card Account การกำหนดพารามิเตอร์แบบออนไลน์ช่วยแนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ให้ลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งบริษัทฯ สามารถให้บริการได้หลากหลายทั้ง Credit Card, Virtual Card, Revolving Card, Fleet Card, Corporate Card และอื่นๆ ซึ่งสามารถทำงานพร้อมกันหรือเสริมกันได้
ส่วนที่ 2 ระบบ Merchant Management System (Acquiring) ซึ่งถูกออกแบบให้ร้านค้าสามารถรองรับการชำระเงินได้หลากหลายช่องทางและสามารถพัฒนาได้อย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นสำหรับการให้บริการลูกค้าได้สะดวก และครอบคลุม ทั้งยังสร้างโอกาสให้แก่ผู้ค้าเพื่อสร้างศักยภาพในการแข่งขันในตลาด และส่วนที่ 3 ระบบ Payment Gateway เป็นบริการร้านค้าที่ให้บริการโดย NTT DATA ซึ่งช่วยให้ลูกค้าปลายทางสามารถชำระเงินออนไลน์ไปยังเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ หรือแอปพลิเคชันมือถือโดยใช้บัตรเครดิต บัตรเติมเงิน หรือบัตรเดบิตได้
ส่วนที่ 4 ระบบ Mobile Payment เป็นช่องทางการชำระเงินแบบไร้สัมผัส ใช้แอปพลิเคชันสมาร์ทโฟนในการสแกนได้ ผู้ใช้งานสามารถสแกน QR Code หรือ QR Payment ได้อย่างง่ายดาย จากนั้นทำการชำระเงินทันทีบนอุปกรณ์เคลื่อนที่โดยไม่ต้องใช้เงินสด ในขณะเดียวกัน กลุ่มการเงินผู้ให้บริการก็สามารถลดต้นทุนฮาร์ดแวร์ ซึ่งผู้ถือบัตรไม่จำเป็นต้องไปที่สาขาเพื่อทำการเปลี่ยนจากเงินสดเป็นแบบดิจิทัล หรือดิจิทัลเป็นเงินสด และช่วยเพิ่มช่องทางการชำระเงินแบบ e-Payment โดยแบ่งเป็น 2 องค์ประกอบ คือ Cardholder Presented การสร้าง QR Code ในแอปพลิเคชันของผู้บริโภค (C Scan B) จากนั้นร้านค้าจะสแกน QR Code หากทำรายการเสร็จทั้งร้านค้าและผู้ถือบัตรจะได้รับการแจ้งเตือน และ Merchant Presented ผู้ถือบัตรสแกนรหัส QR ของร้านค้า (B Scan C) ป้อนจำนวนเงินที่ชำระและเริ่มชำระเงิน จากนั้นผู้ถือบัตรและร้านค้าจะได้รับการแจ้งเตือนว่าการทำธุรกรรมสำเร็จ
ส่วนสุดท้าย ส่วนที่ 5 ระบบ e-Wallet ช่วยร้านค้าที่สามารถชำระเงินแบบไร้สัมผัส ผู้ซื้อสินค้าสามารถชำระเงินได้ด้วยยอดเงินคงเหลือในกระเป๋าเงิน e-wallet หรือด้วยบัตรเครดิต หรือบัตรเดบิตที่ต้องการ