LINE BK ผู้ให้บริการ Social Banking รายแรกในเมืองไทย เดินเครื่องรุกตลาดสินเชื่อเต็มรูปแบบ ตอบรับความต้องการสินเชื่อของครัวเรือนที่เพิ่มขึ้นตามแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย จัดเต็มแคมเปญการตลาดต้อนรับปีเสือทอง ผ่านเสียงเพลง “ที่พึ่งทางไลน์” กลิ่นอายสไตล์ลูกทุ่งผสานแร็ป สร้างกระแสฮิตติดหู แทรกเนื้อหาโดนๆ เรื่องการเงินของคนไทย หวังขยายฐานกลุ่มเป้าหมายให้ครอบคลุมมากขึ้น เพิ่มโอกาสให้คนไทยเข้าถึงแหล่งเงินอย่างถูกกฎหมาย ด้วยบริการสินเชื่อ LINE BK เพียงมีรายได้ขั้นต่ำ 5,000 บาทก็สามารถสมัครได้ พร้อมตั้งเป้ายอดสินเชื่อคงค้างกว่า 20,000 ล้านบาทในปีนี้
นายธนา โพธิกำจร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กสิกร ไลน์ จำกัด หรือ LINE BK เปิดเผยว่า ในปี 2565 ความต้องการสินเชื่อของภาคครัวเรือนมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในทุกประเภท ตามสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย โดยคาดว่าจะได้เห็นความต้องการสินเชื่อเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องในปีนี้ แต่ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ยังเป็นปัจจัยส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยในภาพรวม และปัญหาความยุ่งยากในการเข้าถึงสินเชื่อของคนไทย ทำให้กลุ่มคนที่ไม่มีรายได้ประจำและคนทำงานอาชีพอิสระอาจไม่ได้รับโอกาสในการอนุมัติสินเชื่อ LINE BK ในฐานะผู้ให้บริการ Social Banking รายแรกในประเทศไทย พยายามเพิ่มโอกาสให้คนกลุ่มนี้สามารถเข้าถึงสินเชื่ออย่างถูกกฎหมายได้มากขึ้น ด้วยบริการสินเชื่อผ่านแอปพลิเคชัน LINE ที่สามารถสมัครได้ง่ายๆ เพียงมีรายได้ขั้นต่ำเพียง 5,000 บาท โดยล่าสุดได้เปิดตัวแคมเปญการตลาดที่สอดคล้องไปกับบริการสินเชื่อ ผ่านเพลง “ที่พึ่งทางไลน์” ซึ่งมีกระแสตอบรับอย่างล้นหลาม หลังจากปล่อยเพลงออกมาได้เพียง 2 สัปดาห์ ยอดการรับชมเอ็มวีบนยูทูป (YouTube) พุ่งทะลุกว่า 5 ล้านวิว อีกทั้งยังได้สร้างสรรค์แคมเปญบน TikTok เพื่อให้ผู้คนได้มีส่วนร่วมมากขึ้นผ่าน #ที่พึ่งทางไลน์ Dance ที่ได้กระแสตอบรับดีมียอดเข้าชมวิดีโอที่ร่วมแคมเปญรวมกว่า 375 ล้านวิว
สำหรับบริการสินเชื่อ LINE BK ขณะนี้มีอยู่ 2 ประเภท คือ วงเงินให้ยืม (Credit Line) สินเชื่อส่วนบุคคล และวงเงินให้ยืมนาโน (Nano Credit Line) สินเชื่อรายย่อยเพื่อการประกอบอาชีพ ซึ่งได้รับความสนใจเป็นจำนวนมาก โดยมีการปล่อยสินเชื่อไปแล้วกว่า 5 แสนบัญชี ด้วยยอดปล่อยสินเชื่อรวมกว่า 3 หมื่นล้านบาท ในช่วงเวลาที่ผ่านมา สัดส่วนเกือบครึ่งหนึ่งของลูกค้า LINE BK เป็นผู้มีอาชีพอิสระ และอยู่ในพื้นที่ต่างจังหวัดเกือบ 80% ซึ่งในปี 2565 LINE BK ยังคงตั้งใจเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือกลุ่มคนที่ไม่มีรายได้ประจำเป็นผู้ประกอบอาชีพอิสระที่ต้องการเข้าแหล่งเงินที่ถูกต้องตามกฎหมาย โดยวางแผนขยายฐานลูกค้าให้กว้างขึ้นและครอบคลุมทั่วประเทศ ทั้งในพื้นที่กรุงเทพฯ ปริมณฑล และต่างจังหวัด โดยบริษัทฯ ได้ตั้งเป้ายอดสินเชื่อคงค้างโตกว่า 20,000 ล้านบาทในสิ้นปีนี้ จากยอดคงค้างในปีก่อนที่ 16,000 ล้านบาท จากจำนวนผู้ใช้บริการ LINE BK กว่า 4 ล้านราย มีบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ 4.8 ล้านบัญชี มีจำนวนบัตรเดบิต 2.2 บัตร ขณะที่ยอดสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(NPL)ที่ 4%
"ในด้านของสินเชื่อเรามีอัตราการอนุมัติเพียงประมาณ 10% ซึ่งค่อนข้างน้อย ดังนั้น สิ่งที่เราต้องทำคือ เฟ้นหาลูกค้าที่ดีในกลุ่มลูกค้าเป้าหมายโดยรวมของเรา ก็จะต้องพยายามทำให้เขารู้จัก และเข้าถึงเราเพิ่มขึ้น ซึ่งนอกจากการร่วมกับพันธมิตรเพื่อขยายกลุ่มลูกค้าที่เรากำลังดำเนินการอยู่แล้วนั้น การจัดแคมเปญโดยใช้เพลงที่ตรงกับความชื่นชอบของกลุ่มลูกค้าก็จะเป็นอีกยุทธศาสตร์ที่ทำให้คนรู้จักเรามากขึ้น ตามเป้าหมายที่เราอยากไปคือ เป็นธุรกิจการเงินที่เข้าถึงในทุกที่ทั่วประเทศ โดยเรามองว่าอัตราอนุมัติที่ควรจะเป็นจะอยู่ที่ประมาณ 20% นั่นทำให้เราต้องเพิ่มการรับรู้ตัวตนของเราในวงกว้างมากขึ้น ซึ่งในปีที่ผ่านมา กลุ่มลูกค้าที่เข้ามาก็จะเริ่มวนในกลุ่มเดิมๆ ที่เข้ามาขอสินเชื่อแล้วแต่ไม่ได้การอนุมัติ หรือคนที่มีไลน์แต่ยังไม่รู้จักไลน์บีเคก็จะเข้าไปจุดนี้มากขึ้น ซึ่งก็ทำให้มีโอกาสที่จะได้ลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้น"
นายธนา กล่าวถึงแคมเปญการตลาดผ่านเพลง “ที่พึ่งทางไลน์” ว่า แคมเปญนี้เป็นความร่วมมือกับค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ RSIAM ในเครือ RS GROUP โดยดึงนักร้องลูกทุ่งคุณภาพอย่าง ใบเตย อาร์สยาม และ URBOYTJ แร็ปเปอร์ชื่อดัง มาร่วมถ่ายทอดเรื่องราวของเพลงในรูปแบบลูกทุ่งผสมแร็ป ซึ่งจะเห็นได้ว่าเพลงที่ใช้สื่อสารนั้นมีเนื้อหาที่ฟังง่าย ติดหู สนุกสนาน และเข้าถึงผู้คนได้ทุกเพศทุกวัย โดยที่ผ่านมาเชื่อว่าปัญหาที่ผู้คนอาจเข้าไม่ถึงผลิตภัณฑ์ทางการเงิน คือ ผลิตภัณฑ์ทางการเงินบางประเภทมีความซับซ้อน เข้าถึงยาก จึงไม่ใช่ทุกคนที่จะเข้าใจว่าแต่ละผลิตภัณฑ์เหมาะกับใคร และตัวเขาเองนั้นเหมาะกับผลิตภัณฑ์ไหน โดยเนื้อหาของเพลงได้หยิบเอา Pain Point ปัญหาเรื่องเงินของคนมาผสมผสานกลิ่นอายของเพลงลูกทุ่งและแร็ป เช่น คำว่า พอสิ้นเดือนทีไรหัวใจจะวาย… ค่าไฟมารอแล้วนี่และค่าใช้จ่ายก็เยอะ พร้อมหาทางออกเรื่องดังกล่าวในเพลงด้วยคำติดหูว่า ไม่ไหว…ไลน์มา หรือร้อนเงินเมื่อไหร่ยืมไลน์ง่ายกว่า”
และนอกจากการทำเพลงและปล่อยตัว MV “ที่พึ่งทางไลน์” เพื่อส่งเสริมด้านการตลาดรูปแบบใหม่ แล้ว LINE BK ยังมีแผนการทำตลาดแบบบูรณาการที่จะมาช่วยตอกย้ำภาพ ‘ร้อนเงินเมื่อไหร่ ยืม LINE ง่ายกว่า’ ให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น ผ่านการทำ LINE MELODY เสียงเรียกเข้า-เสียงรอสายที่ให้โหลดฟรีทางแอปพลิเคชัน LINE ปล่อยหนังโฆษณาตัวใหม่ที่ใช้เพลงที่พึ่งทางไลน์ โดยมีศิลปินทั้ง ใบเตย อาร์สยาม และ URBOYTJ ร่วมเป็นพรีเซนเตอร์ พร้อมกันนี้ ยังได้เจาะตลาดไปทางสื่อต่างๆ ทั้งในรูปแบบออนไลน์และออฟไลน์ เพื่อให้เกิดการสื่อสารไปยังลูกค้ากลุ่มเป้าหมายแบบครอบคลุมทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด อีกทั้งยังเพิ่มความสนุกจัดเต็มด้วยการเปิดตัวสติกเกอร์ LINE : พี่หมี BROWN & FRIENDS ที่เป็นคาแร็กเตอร์เฉพาะของ LINE BK เพื่อเป็นการมอบความสุขและขอบคุณผู้ใช้บริการ LINE BK ตลอดกว่า 1 ปีที่ผ่าน โดยเปิดให้ดาวน์โหลดฟรีตั้งแต่วันนี้-15 พฤษภาคมนี้
สำหรับการที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มีแนวทางที่จะอนุญาตให้เปิด Virtual Bank หรือธนาคารไร้สาขานั้น นายธนากล่าวว่า ตามที่ ธปท.มองว่าอนุญาตให้ทำ Virtual Bank นั้น จะทำให้เกิดการแข่งขัน ซึ่งจะทำให้ผู้บริโภคได้ประโยชน์นั้น โดยส่วนตัวมองว่าการแข่งขันของธุรกิจสถาบันการเงินในประเทศปัจจุบันก็สูงมากอยู่แล้ว เช่น การเก็บค่าธรรมเนียมต่างๆ ก็มีไม่มากแล้ว ขณะที่ดิจิทัล แบงก์มีอยู่แล้วจำนวนหนึ่ง อย่าง LINE BK ก็เป็นหนึ่งในนั้น หรือเป็นการสนับสนุนให้ผู้บริโภคหันมาใช้ช่องทางออนไลน์มากขึ้น ซึ่งมองว่าสถาบันการเงินที่มีอยู่ปัจจุบันพยายามแข่งขันกันเต็มที่ที่จะให้ลูกค้าเข้ามาใช้ในระบบออนไลน์อยู่แล้ว ทั้งระบบการยืนยันตัวตนดิจิทัลต่างๆ คำถามคือ เราต้องการผู้เล่นใหม่ที่ทำให้เกิดการแข่งขันสูงขึ้นอีกหรือไม่ ขณะที่เราจะเห็นได้ว่าเมื่อมีการเปิด Virtual Bank จะทำให้ผู้เล่นที่มีแพลตฟอร์มขนาดยักษ์เข้ามาในตลาด ซึ่งตรงนี้จะส่งผลต่อผู้เล่นเดิมที่เป็นสถาบ้นการเงินไทย ซึ่งเชื่อว่าทาง ธปท.รู้ถึงโจทย์ต่างๆ ตรงนี้อยู่แล้ว