สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับไมโครซอฟท์ เพื่อร่วมกันปฏิรูปแนวทางเชิงนโยบายและกรอบข้อบังคับต่างๆ ภายใต้จุดมุ่งหมายเพื่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศไทยให้มีความยืดหยุ่นและคล่องตัว รองรับการปรับตัวและแข่งขันบนเวทีโลก
ในฐานะสถาบันที่ปรึกษาด้านกฎหมายที่มีส่วนร่วมในการตรากฎหมายของรัฐบาลไทย ทางสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ลงนามในข้อตกลงนี้เพื่อขับเคลื่อนการปฏิรูประบบงานภายในสำนักงานฯ ด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล ควบคู่ไปกับการพัฒนาคลังความรู้ด้านกฎหมายที่พร้อมสนับสนุนการร่างนโยบายโดยมีข้อมูลเป็นพื้นฐาน และการให้คำปรึกษากับหน่วยงานภาครัฐในด้านการวางกรอบกฎหมายและข้อบังคับที่ถูกต้องเหมาะสม
นายปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา กล่าวถึงข้อตกลงนี้ว่า สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่าการปฏิรูปด้วยดิจิทัลจะผลักดันให้เกิดการสรรค์สร้างนวัตกรรมจากข้อมูลอย่างกว้างขวางมากขึ้นในประเทศไทย จนนำไปสู่บริการสาธารณะที่ดีขึ้นสำหรับประชาชนชาวไทย พร้อมขับเคลื่อนสังคมให้พัฒนาไปในทางที่ดี
ขณะที่รัฐบาลเองจะปฏิบัติงานได้อย่างคล่องตัวมากยิ่งขึ้น ในขณะที่ประเทศกำลังฟื้นตัวจากสถานการณ์โรคระบาด เราหวังว่าจะได้ทำงานอย่างใกล้ชิดกับไมโครซอฟท์ เพื่อยกระดับการทำงานภายในสำนักงานฯ เสริมทักษะบุคลากรของเราให้ทัดเทียมกับมาตรฐานโลก และเพิ่มศักยภาพของเราในการขับเคลื่อนประเทศไทยสู่จุดหมายดังกล่าวต่อไป
นายอาเหม็ด มาซารี ประธานไมโครซอฟท์ เอเชีย กล่าวเสริมอีกว่า การปฏิรูปทั้งในด้านนวัตกรรมดิจิทัลและการกำกับดูแลเชิงนโยบายนับเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้รัฐบาลในทุกประเทศทั่วโลกสามารถสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีกว่าให้ประชาชน พัฒนาบริการดิจิทัลที่ทุกคนไว้วางใจ ผลักดันให้เกิดนวัตกรรมและการสรรค์สร้างธุรกิจใหม่ๆ และปรับเปลี่ยนนโยบายให้เข้ากับความท้าทายที่ประเทศต้องเผชิญ ก่อนจะนำไปสู่การพัฒนาสังคมให้เติบโตอย่างเท่าเทียมและทั่วถึง
สำหรับประเทศไทย ซึ่งมีเป้าหมายที่จะผลักดันให้เศรษฐกิจดิจิทัลขึ้นมามีสัดส่วนถึง 25% ของ GDP ภายในปี พ.ศ.2570 เรามีความยินดีที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนในครั้งนี้ ซึ่งนับเป็นอีกโอกาสสำคัญให้เราได้ร่วมกันเสริมสร้างศักยภาพของทุกคนและทุกองค์กรในประเทศไทยให้มุ่งหน้าไปสู่ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่กว่า
นายธนวัฒน์ สุธรรมพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ไมโครซอฟท์ ประเทศไทย กล่าวว่า เพื่อให้ประเทศไทยได้เดินหน้าปฏิรูปนโยบายด้านดิจิทัล พร้อมเสริมสร้างให้เกิดความแข็งแกร่งและคล่องตัวจนพร้อมรับมือกับความเปลี่ยนแปลงข้างหน้า บันทึกข้อตกลงความร่วมมือฉบับนี้สะท้อนถึงความสำคัญและบทบาทที่สอดประสานกันระหว่างเทคโนโลยีและนโยบายของประเทศ ซึ่งนับเป็นประเด็นสำคัญที่ประเทศไทยยังคงผลักดันด้านนโยบาย Digital Government และสนับสนุนในฐานะเจ้าภาพจัดการประชุมเอเปกในปี 2565 นี้