ผ่านมา 1 ปีนับจากวันที่เอเซอร์ประกาศกลยุทธ์ใหม่ในการก้าวข้ามธุรกิจพีซี สู่การเป็น ‘ไลฟ์สไตล์แบรนด์’ สร้างการเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคให้กว้างขึ้นจากสินค้าที่มีความหลากหลาย ตั้งแต่เครื่องฟอกอากาศ จนถึงเครื่องดื่มชูกำลัง ได้ส่งผลให้ในภาพรวมธุรกิจพีซีกลับมาครองความยิ่งใหญ่อีกครั้ง
จากการที่พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไปในช่วงโควิด-19 ที่ผ่านมา ทุกคนต้องเรียนรู้ในการปรับตัวทั้งการใช้ชีวิตการทำงาน และการเรียน ที่หลายๆ กิจกรรมเกิดขึ้นในโลกเสมือนหรือผ่านช่องทางออนไลน์มากยิ่งขึ้น
การที่เอเซอร์ มีแบรนด์ที่แข็งแกร่งขึ้น ยิ่งช่วยให้กลายเป็นตัวเลือกแรกของผู้บริโภคในช่วงที่ต้องลงทุนหาซื้ออุปกรณ์หรือสินค้าไอทีมาตอบโจทย์ในการใช้งานทำให้เห็นถึงความสำเร็จในกลยุทธ์ Dual Transformation ในการขับเคลื่อนธุรกิจแบบคู่ขนาน
อลัน เจียง กรรมการผู้จัดการประจำประเทศไทยและภูมิภาคอินโดจีน บริษัท เอเซอร์ คอมพิวเตอร์ จำกัด ให้ข้อมูลว่าในปีที่ผ่านมาตลาดรวมคอมพิวเตอร์ในประเทศไทย ถือว่ามีอัตราการเติบโตที่สูงขึ้นกว่า 25.94% แต่ที่สำคัญคือ เอเซอร์สามารถเติบโตได้กว่า 40% พร้อมกลับมาครองตำแหน่งผู้นำในตลาดนี้ด้วยส่วนแบ่งกว่า 23%
สำหรับในปี 2022 นี้ เอเซอร์มุ่งมั่นที่จะรักษาการเติบโตอย่างต่อเนื่องภายใต้ 2 ส่วนหลักคือ การเดินหน้าสู่ไลฟ์สไตล์แบรนด์ให้มีความครอบคลุมมากยิ่งขึ้น และอีกส่วนคือการรักษาสิ่งแวดล้อม เพื่อให้เกิดการทำธุรกิจอย่างยั่งยืน
‘การที่ผู้บริโภคบางส่วนยังต้องทำงานจากที่บ้าน รวมถึงนักเรียนต้องเรียนจากที่บ้าน ทำให้เชื่อว่าในช่วงครึ่งปีแรกปริมาณความต้องการสินค้าพีซียังมีอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน ในช่วงครึ่งปีหลังจะเห็นการลงทุนของทั้งภาครัฐ และเอกชนเกี่ยวกับอุปกรณ์ไอทีมากขึ้น’
หลังจากในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาโครงการภาครัฐต่างๆ โดยเฉพาะในสถาบันการศึกษาได้หยุดชะงักลง ทำให้ธุรกิจคอมพิวเตอร์ในช่วงของคอมเมอร์เชียลนั้นหยุดนิ่ง แต่ด้วยสถานการณ์ในปัจจุบันเพื่อให้สามารถทำงานได้อย่างต่อเนื่องจึงมีความเป็นไปได้ที่จะกลับมาลงทุนในปีนี้
‘เชื่อว่าเม็ดเงินลงทุนจากโครงการต่างๆ หลังจากชะลอการลงทุนมา 2 ปีจะทำให้ธุรกิจคอมเมอร์เชียลกลับมาเติบโตได้อย่างแน่นอนและเติบโตมากกว่าในช่วงก่อนหน้าสถานการณ์โควิด-19 ด้วย’
***ปัญหาชิปเซ็ตเริ่มคลี่คลาย
ในมุมของการเป็นผู้ผลิตพีซี และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เอเซอร์ ย่อมได้รับผลกระทบจากวิกฤตการขาดแคลนชิปเซ็ตอย่างแน่นอน โดยเฉพาะในช่วงปี 2020 ที่ในช่วงเวลานั้นทุกแบรนด์ไม่ได้เตรียมความพร้อมมาก่อน ซึ่งในปีนั้นสภาพตลาดพีซีในประเทศหดตัวลงถึง 6% ก่อนที่ในปี 2021 จะกลับมาเติบโตถึง 25.94%
อลัน ยังมองว่า ปัญหาวิกฤตชิปเซ็ตขาดแคลนจะยังคงอยู่ต่อเนื่องไปจนกว่าสถานการณ์โควิด-19 จะคลี่คลาย โดยเหตุผลหลักจะมาจากการขนส่งชิ้นส่วนที่มีความล่าช้า และกำลังการผลิตที่ยังไม่สามารถกลับมาเต็มที่แบบ 100% ในพื้นที่ที่มีการระบาด
อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับสถานการณ์ในปัจจุบันถือว่า ปัญหาการขาดแคลนชิปเซ็ตนั้นเริ่มดีขึ้นนับตั้งแต่ช่วงไตรมาส 4 ที่ผ่านมา จากการเพิ่มทั้งกำลังการผลิต และการที่แบรนด์ปรับมาใช้งานชิปเซ็ตให้เหมาะสมมากยิ่งขึ้น
ขณะเดียวกัน ในระยะยาวแล้วปัญหาชิปเซ็ตขาดแคลนนับว่าเป็นเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น เมื่อเทียบกับปัญหาสิ่งแวดล้อมที่จะเกิดขึ้น พร้อมย้ำว่าการให้ความสำคัญกับการเลือกใช้สินค้าที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด และไม่สร้างมลพิษให้โลก จะเป็นเรื่องใหญ่กว่า
***นำแพลตฟอร์ม AI ช่วยองค์กรธุรกิจ
ในมุมของธุรกิจ ภายใต้ซับแบรนด์อย่าง Altos เอเซอร์มองว่าในยุคปัจจุบันการจำหน่ายเฉพาะเครื่องคอมพิวเตอร์เพียงอย่างเดียวไม่เพียงพออีกต่อไปแล้ว แต่ต้องนำโซลูชัน และแพลตฟอร์มเข้าไปช่วยตอบโจทย์ความต้องการของธุรกิจด้วย
ณัฐวรรณ ตะเภาน้อย ผู้จัดการอาวุโสกลุ่มผลิตภัณฑ์เอ็นเตอร์ไพรส์และคอมเมอร์เชียล เอเซอร์ กล่าวว่า ปัจจุบันดาต้า หรือข้อมูลได้กลายเป็นส่วนสำคัญของการทำธุรกิจ ดังนั้นองค์กรธุรกิจจึงหันมาโฟกัสกับการบริหารจัดการข้อมูล และประยุกต์นำข้อมูลไปใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพ
‘เอเซอร์ ได้นำเสนอแพลตฟอร์ม Altos aiWork สำหรับนักพัฒนา และนักวิจัย AI ที่รวบรวมทั้งฮาร์ดแวร์ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องเซิร์ฟเวอร์ เวิร์กสเตชัน และซอฟต์แวร์ในการบริหารจัดการ AARM ที่จะช่วยให้นักพัฒนาสามารถทำงานได้อย่างยืดหยุ่น’
นอกจากนี้ เพื่อรับกับโลกที่เปลี่ยนแปลงไป ภาคธุรกิจต้องหันเข้าสู่โลกดิจิทัลมากขึ้น จึงได้พัฒนาเครื่องมือที่มาช่วยให้นำระบบนิเวศดิจิทัล มาทำงานร่วมกับเวิร์กสเตชันประสิทธิภาพสูง และซอฟต์แวร์ในการพัฒนา AR/VR เข้าไปตอบโจทย์ประสบการณ์ดิจิทัล รวมถึงโซลูชันที่เข้าไปตอบสนองการทำงานรูปแบบใหม่จากทุกที่ทุกเวลา
***เจาะ 4 กลุ่มไลฟ์สไตล์
เพื่อให้ภาพของการเป็นไลฟ์สไตล์แบรนด์ชัดเจนขึ้น เอเซอร์ ได้มีการแยกกลุ่มผู้บริโภคออกมาเป็น 4 กลุ่ม ตามพฤติกรรมการใช้งาน เพื่อให้สามารถนำผลิตภัณฑ์เข้าไปตอบโจทย์ความต้องการได้ตรงมากขึ้น
เริ่มกันที่ 1.Live หรือในกลุ่มของการใช้ชีวิตทั่วไปซึ่งถือเป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เพิ่มเข้ามาในช่วงปีที่ผ่านมา มีผลิตภัณฑ์เด่นอย่าง เครื่องฟอกและหมุนเวียนอากาศ acerpure ที่เริ่มทำตลาดในปีที่ผ่านมา รวมถึงอุปกรณ์เสริมสำหรับคอมพิวเตอร์อย่างเมาส์ คีย์บอร์ด และหูฟังไร้สาย ยังมีสินค้าที่เป็นอุปกรณ์สำหรับสัตว์เลี้ยงภายใต้แบรนด์ Pawbo ที่จับกลุ่มคนเลี้ยงแมว ทั้งในบ้าน โรงพยาบาล และโรงแรมสัตว์เลี้ยง จนถึงกลุ่มผลิตภัณฑ์กีฬาในแบรนด์ Xplova ที่จับกลุ่มผู้ที่ชื่นชอบการปั่นจักรยาน
สุพงศ์ ตั้งตรงเบญจศีล รองผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจค้าปลีก เอเซอร์ กล่าวเสริมว่าในกลุ่มของ Live ถือเป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เอเซอร์นำมาตอบสนองไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคนอกเหนือจากคอมพิวเตอร์ ด้วยการนำนวัตกรรมเข้ามาผสมผสานอย่างเครื่องฟอกอากาศ ในปีที่ผ่านมาได้รับการตอบรับที่ดีเกินกว่าที่คาดการณ์ไว้
ต่อมา 2.Work หรือกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์การทำงาน ซึ่งเน้นในแง่ของประสิทธิภาพ การพกพา ที่มี Acer Swift เป็นซีรีส์หลัก ครอบคลุมทั้ง Swift X โน้ตบุ๊กบางเบา แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนาน Swift 5 โน้ตบุ๊กพรีเมียมรุ่นท็อป ที่มากับเทคโนโลยีกำจัดเชื้อแบคทีเรีย Antimicrobial และไลน์ผลิตภัณฑ์ใหม่ Swift Air โน้ตบุ๊กจอ OLED ขนาด 16 นิ้ว ความละเอียด 4K ที่เบาที่สุดในตลาด
รวมถึงโน้ตบุ๊กสำหรับกลุ่มครีเอเตอร์อย่าง ConceptD ที่มากับจอที่แสดงผลสีอย่างแม่นยำ รองรับการทำงานร่วมกับปากกา จนถึงเครื่องเฉพาะทางสำหรับโปรครีเอเตอร์อย่าง ConceptD Mix ที่มีฟังก์ชันสำหรับงานตัดต่อเสียงโดยเฉพาะ
3.Learn หรือกลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อการเรียนรู้ สำหรับนักเรียน นักศึกษา เน้นดีไซน์ทันสมัย จะมีทั้งเครื่องคอมพิวเตอร์แบบ All-in-One เพื่อใช้เรียนออนไลน์ที่บ้าน Swift 1 โน้ตบุ๊กราคาจับต้องได้ และ Aspire 3 และ Aspire 5 ที่เป็นซีรีส์เน้นความคุ้มค่า ให้ประสิทธิภาพที่ตอบโจทย์การใช้งาน
4.Play หรือกลุ่มสำหรับอุตสาหกรรมเกมมิ่ง ภายใต้แบรนด์ Predator และ Nitro ที่ได้รับความนิยมจากบรรดาเกมเมอร์เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะรุ่นที่มากับคีย์บอร์ดไฟ RGB แบบปรับสีได้ จนถึงกลุ่มเกมมิ่งเดสก์ท็อป Orion ที่ปรับดีไซน์ใหม่ให้มีเอกลักษณ์มากขึ้น ไม่นับรวมกับเครื่องดื่มชูกำลัง PreadatorShot ที่เริ่มวางจำหน่ายแล้วทั่วประเทศ
นิธิพัทธ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด เอเซอร์ ย้ำว่า การเป็นไลฟ์สไตล์แบรนด์ของเอเซอร์จะเน้นการนำเสนอผลิตภัณฑ์ โซลูชัน ด้วยการนำความเชี่ยวชาญ และนวัตกรรมมานำเสนอให้ตอบโจทย์ความต้องการ ภายใต้เป้าหมายคือการสร้างความยั่งยืนของธุรกิจที่ครอบคลุมถึงพันธมิตร อีโคซิสเต็มพาร์ตเนอร์ และสิ่งแวดล้อมด้วย
‘แพลตฟอร์มอย่าง Altos aiWorks จะเข้ามาช่วยพัฒนานวัตกรรมทางด้าน AI ต่อยอดมาถึง Acer VeriSee DR ที่พัฒนาระบบตรวจสอบโรคเบาหวานขึ้นตา ที่ได้ผ่านการรับรองจาก อย.ในไทยแล้ว ยังมี Planet9 แพลตฟอร์มสำหรับอุตสาหกรรมเกมที่จะช่วยเปลี่ยนเกมเมอร์จากมือสมัครเล่น จนเป็นมืออาชีพ รวมถึงการทำงานร่วมกับพันธมิตรในการจัดการเรียนการสอนเพื่อพัฒนาศักยภาพต่างๆ’
นอกจากนี้ ในแง่ของสิ่งแวดล้อม เอเซอร์ มีแผนที่จะใช้พลังงานหมุนเวียน 60% ในปี 2025 ควบคู่ไปกับการนำวัสดุ PCR หรือพลาสติกรีไซเคิลกลับมาใช้ในผลิตภัณฑ์หลักทั้งโน้ตบุ๊ก เดสก์ท็อป และมอนิเตอร์ โดยเริ่มจาก Acer Vero ที่วางจำหน่ายและได้รับผลตอบรับที่ดีจากผู้บริโภค พร้อมกับแผนที่จะตั้งจุดรับทิ้งขยะอิเล็กทรอนิกส์เพื่อนำไปคัดแยกและทำลายอย่างถูกวิธีในศูนย์บริการเอเซอร์ด้วย