รมว.ดีอีเอส ขานรับข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี มอบหมายเลขา รมว.ดีอีเอส ผนึกตำรวจเร่งกวาดล้างแก๊งคอลเซ็นเตอร์ข้ามแดน ล่าสุด บุกจับกุมผู้ต้องหา 21 รายที่ฝังตัวในกัมพูชา หารือ MOU ร่วมสองประเทศ เพิ่มประสิทธิภาพการประสานงานปราบปราม และอำนวยความสะดวกในการเข้าไปปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ไทย
นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) กล่าวว่า กระทรวงดีอีเอส พร้อมขานรับข้อสั่งการของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่มีนโยบายในการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีอย่างเร่งด่วน เพื่อลดความเดือดร้อนให้ประชาขนจากการสูญเสียทรัพย์สินและตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพออนไลน์โดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ โดยเฉพาะปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยจะมีการประสานการทำงานร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) อย่างใกล้ชิดเพื่อติดตามกวาดล้างขบวนการผู้กระทำผิดกฎหมาย และจับกุมมาดำเนินคดี รวมถึงเตรียมเพิ่มความร่วมมือกับรัฐบาลประเทศเพื่อนบ้านในการแก้ไขและปราบปรามปัญหานี้ร่วมกัน
นายเอกสิทธิ์ คุณานันทกุล เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดีอีเอส กล่าวว่า เมื่อช่วงปลายสัปดาห์ ได้รับมอบหมายจากนายชัยวุฒิ รมว.ดีอีเอส ไปปฏิบัติภารกิจร่วมกับคณะของ สตช. ภายใต้การนำทีมของพล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร ) หรือ PCT เดินทางไปยังประเทศกัมพูชา เพื่อพบกับ พล.อ.เซา ซกคา รอง ผบ.สส. และ ผบ.สห. (Gendarmerrie) ผู้แทนฝ่ายรัฐบาลกัมพูชา เพื่อประสานความร่วมมือปฏิบัติการจับกุมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ฝังตัวอยู่ในกัมพูชา
“ที่ผ่านมากระทรวงดีอีเอสได้รับเรื่องร้องเรียนมามาก เรื่องคอลเซ็นเตอร์ที่มาหลอกลวงคนไทย และต้นตออยู่ที่ประเทศกัมพูชา ครั้งนี้ รมว.ดีอีเอส จึงได้มอบหมายให้เดินทางร่วมกับทีมงานท่านรอง ผบ.ตร. เพื่อหารือกับประเทศกัมพูชา ในการทำ MOU การประสานงานในการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เพื่อต่อไปเจ้าหน้าที่ไทยจะได้เข้ามาทำงานได้ง่ายยิ่งขึ้น” นายเอกสิทธิ์ กล่าว
ด้านรายละเอียดของปฏิบัติการครั้งนี้ ในช่วงเช้าของวันที่ 11 ก.พ.65 เจ้าหน้าที่ตำรวจไทยกับเจ้าหน้าที่กัมพูชา ได้เปิดปฏิบัติการเข้าตรวจค้นเป้าหมาย จำนวน 3 จุดพร้อมกันในกรุงพนมเปญ และเมืองพระสีหนุ ซึ่งถูกใช้เป็นฐานในการหลอกลวงผู้เสียหาย โดยมีคนจีนเป็นหัวหน้าและผู้ควบคุมการทำงาน จับกุมผู้ต้องหาได้รวม 21 ราย และสำหรับผู้ต้องหาที่ยังหลบหนี เจ้าหน้าที่กัมพูชาจะเร่งรัดดำเนินการติดตามตัวเพื่อส่งตัวให้ประเทศไทยโดยเร็ว
โดยพฤติกรรมของแก๊งคอลเซ็นเตอร์เหล่านี้ มีทั้งชักชวนหลอกลงทุนซื้อขายเหรียญสกุลดิจิทัลผ่านผ่านเว็บไซต์ Digital Alliance การโทร.หลอกลวงผู้เสียหายที่ประเทศไทยโดยแอบอ้างเป็นดีเอสไอ และเจ้าหน้าที่ตำรวจ รวมถึงการหลอกลวงให้เล่นเกมแบบพิชิตเป็นภารกิจโดยส่งลิงก์ผ่านเว็บไซต์ 888168hs.com เพจ ct make money โดยอ้างตัวเป็นเครือของห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล และ ปตท. หรือกลุ่ม PTTEP มีผู้เสียหายเป็นคนไทยจำนวนมาก มูลค่าความเสียหายรวมไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท
นายเอกสิทธิ์ กล่าวว่า รัฐบาลมีความห่วงใยปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในเรื่องนี้ และได้สั่งการให้เร่งระดมกวาดล้าง พร้อมกันนี้ อยากฝากเตือนประชาชนว่าอย่าไปหลงเชื่อการโทร.แอบอ้างใดๆ อย่าโอนเงินให้คนที่ไม่รู้จัก และขอประชาสัมพันธ์ไปยังคนไทยที่ไปทำงานในประเทศกัมพูชา และเข้าร่วมขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์เหล่านี้ว่าจะมีความผิด และต้องถูกดำเนินคดีในข้อหาฉ้อโกงประชาชนด้วย
สำหรับผู้พบเบาะแสอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือการหลอกลวงทางออนไลน์ หรือพฤติกรรมของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ สามารถแจ้งข้อมูลได้ที่กล่องข้อความของเพจอาสาจับตาออนไลน์ ที่เพจเฟซบุ๊ก https://www.facebook.com/DESMonitor/ และช่องทางต่างๆ ของศูนย์ช่วยเหลือและจัดการปัญหาออนไลน์ 1212 OCC ดังนี้ สายด่วนโทร.1212 อีเมล 1212@mdes.go.th เว็บไซต์ 1212OCC.com และเพจเฟซบุ๊ก : ข้อมูลข่าวสาร 1212 OCC รวมทั้งช่องทางติดต่อของศูนย์ PCT 08-1866-3000 (เวลาราชการ) หรือสายด่วน บช.สอท.1441 ตลอด 24 ชม. หรือ www.pct.police.go.th