“รอง ผบ.ตร.-เลขาฯรมว.ดีอีเอส” นำคณะบินด่วนกัมพูชา ประสานความร่วมมือเปิดปฏิบัติการ ล่าแก็งคอลเซ็นเตอร์รายใหญ่กลับมาดำเนินคดีในไทย หลังขยายจนพบออฟฟิศใหญ่ในประเทศเพื่อนบ้าน สนธิกำลังตรวจค้น 3 จุดตามข้อมูลในพนมเปญ-สีหนุวิลล์ “ดีอีเอส” เซ็น MOU ร่วม ปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์-Hybrid Scam
เมื่อวันที่ 10 ก.พ.65 ที่ผ่านมา พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร ) หรือ PCT พร้อมด้วย นายเอกสิทธิ์ คุณานันทกุล เลขานุการ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน สำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง (ผบก.สส.สตม.) ในฐานะหัวหน้าชุดปฏิบัติการ ที่ 1, พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจภูธร ภาค 2 (ผบก.สส.ภ.2) ในฐานะหัวหน้าชุดปฏิบัติการที่ 5 และคณะ เดินทางไปประเทศกัมพูชาเพื่อเข้าพบ พล.อ.เซา ซกคา รองผู้บัญชาการทหารสูงสุด (รอง ผบ.สส.) กัมพูชา, พล.ท.เจีย เองยง ผูบัญชาการหน่วยข่าวกรองความมั่นคง, พล.ต.เขียว รัฐา รองผู้บังคับการกองกิจการสาธารณะ, พ.อ.เมือง จันโท เลขานุการรอง ผบ.สส. ในฐานะผู้แทนฝ่ายรัฐบาลกัมพูชา ณ Royal Gendarmerrie of Cambodia Head Quarter เมืองพนมเปญ ราชอาณาจักรกัมพูชา เพื่อขอความร่วมมือในการส่งตัวผู้กระทำผิดผู้ร่วมขบวนการคอลเซ็นเตอร์มาดำเนินคดีในราชอาณาจักรไทย
พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ เปิดเผยว่า พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. สั่งการให้ขยายผลจับกุมผู้ร่วมขบวนการคอลเซ็นเตอร์ที่เหลือ ซึ่งอาศัยฐานปฏิบัติการอยู่ในประเทศกัมพูชา คดีนี้สืบเนื่องจากปฏิบัติการบูรพา 491 ทลายคอลเซ็นเตอร์ตัดวงจรส่งคนไทยข้ามแดน เมื่อวันที่ 3 ก.พ.65 ที่ผ่านมา พล.ต.ต.ธีรเดช ได้นำกำลังตำรวจ PCT และสืบสวนภาค 2 ปูพรมตะเข็บชายแดน จ.สระแก้ว จับกุมสองสามีภรรยา เครือข่ายคอลเซ็นเตอร์รายใหญ่ ได้ 2 คน อยู่ฝั่งประเทศไทยทำหน้าที่คอยประสานงานกับหัวหน้าแก๊งชาวจีนส่งคนไปทำงานแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในประเทศกัมพูชา โดยได้ขยายผลพร้อมออกหมายจับผู้เกี่ยวข้องอีก 2 แก๊ง รวมทั้งสิ้น 71 หมายจับ ซึ่งอยู่ในออฟฟิศใหญ่ที่ ประเทศกัมพูชา
ภายหลังการร่วมหารือเป็นเวลานานกว่า 1 ชม. พล.ต.ต.พันธนะ ในฐานะหัวหน้าชุดปฏิบัติการ PCT ที่ 1 เปิดเผยกับว่า ได้รับสัญญานที่ดีจากฝ่ายรัฐบาลประเทศกัมพูชา โดย รอง ผบ.ตร. ได้แจ้งวัตถุประสงค์ในการขอเข้าหารือกับ พล.อ.เซา ซกคา ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐบาลไทย มีความต้องการปราบปรามแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ รวมถึงอาชญากรรมข้ามชาติทุกประเภท เนื่องจากสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนคนไทยเป็นอย่างมาก และระหว่างประเทศไทยกับกัมพูชามีการประสานความร่วมมือกันด้วยดีมาโดยตลอด ซึ่งผู้แทนกัมพูชา ระบุว่า ฝั่งรัฐบาลกัมพูชาก็ยินดีให้ความร่วมมือ และฝากความระลึกถึงมายัง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีอีกด้วย
“หลังจากนี้จะมีการเปิดปฏิบัติการร่วมกันระหว่างเจ้าหน้าที่ไทยกับกัมพูชา โดยมีเป้าหมายในการเข้าตรวจค้น 3 จุดหลักๆ ในกรุงพนมเปญ และเมืองพระสีหนุ” พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์
รอง ผบ.ตร. กล่าวอีกว่า พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ประวิตร ได้สั่งการให้เร่งระดมกวาดล้างแก็งคอลเซ็นเตอร์ และอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ที่สร้างความเดือดร้อนให้กับคนไทย โดยเฉพาะช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 คดีนี้ภายหลังการเปิดปฏิบัติการและได้ตัวผู้ต้องหาตามหมายจับแล้ว รัฐบาลกัมพูชา จะส่งตัวให้กับทางการไทย ตามแนวทางปฏิบัติในเรื่องการส่งผู้ร้ายข้ามแดน และกฎหมายคนเข้าเมืองต่อไป ทั้งนี้หากพบเบาะแส สามารถแจ้งข้อมูลได้ที่ ศูนย์ PCT 081-8663000 เวลาราชการ หรือ สายด่วน บช.สอท.1441 ตลอด 24 ชม. หรือ www.pct.police.go.th
ขณะที่ นายเอกสิทธิ์ เลขาฯรมว.ดิจิทัลฯ กล่าวเสริมว่า ได้รับมอบหมายจาก นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลฯ ให้เดินทางมาปรึกษาหารือ ทำ MOU ร่วมกันระหว่าง 2 กระทรวง คือ กระทรวงดิจิทัลฯของประเทศไทย และกระทรวงไปรษณีย์โทรเลขและการสื่อสาร ของประเทศกัมพูชา ประสานความมือในการให้ข้อมูลสนับสนุนการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และ Hybrid Scam.