บลูบิค (Bluebik) ประกาศตั้งบริษัทย่อย "บลูบิค โกลบอล" มั่นใจเพิ่มศักยภาพให้บริการแก่ลูกค้าในต่างประเทศ รับเทรนด์ดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันมาแรง คาดสร้างรายได้คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 10% ของรายได้รวมในปี 2564
นายพชร อารยะการกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ BBIK เปิดเผยว่า บลูบิค กรุ๊ป ได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการบริหารของบริษัทฯ เมื่อวันที่ 4 มกราคม 2565 ให้จัดตั้งบริษัทย่อยภายใต้ชื่อบริษัท บลูบิค โกลบอล จำกัด มีทุนจดทะเบียน 2 ล้านบาท โดยกลุ่มบริษัทฯ ถือหุ้นใหญ่ในสัดส่วน 78% ร่วมกับผู้ถือหุ้นอีก 2 ราย เพื่อเพิ่มขีดความสามารถการให้บริการแก่ลูกค้าในต่างประเทศ และเสริมศักยภาพด้านบุคลากรจากต่างชาติเข้ามาเพิ่มความแข็งแกร่งให้แก่องค์กรโดยรวม รองรับการขยายธุรกิจในอนาคต
“การจัดตั้งบริษัท บลูบิค โกลบอล จะเข้ามาเพิ่มขีดความสามารถการให้บริการแก่ลูกค้าในต่างประเทศ รวมถึงการดึงดูดบุคลากรที่มีความสามารถจากต่างชาติโดยเฉพาะ โดยในช่วงแรกเราจะมุ่งเน้นคุณภาพการให้บริการเป็นหลักเพื่อให้ลูกค้าเกิดความมั่นใจ จากนั้นจึงเริ่มรุกขยายฐานลูกค้าในต่างประเทศเพิ่มขึ้น เนื่องจากการทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันในต่างประเทศค่อนข้างพัฒนาและก้าวล้ำไปพอสมควร อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าด้วยศักยภาพของบริษัทฯ จะสามารถแข่งขันและได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าใช้บริการอย่างต่อเนื่องในระยะยาว”
ที่ผ่านมา Bluebik ระบุว่า ตัวเองเป็นคอนซัลต์ด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันชั้นนำแบบครบวงจร การตั้งบริษัทย่อยชื่อบลูบิค โกลบอล จะเพิ่มขีดความสามารถให้บริการแก่ลูกค้าในต่างประเทศ ขณะเดียวกัน เสริมบุคลากรต่างชาติเข้ามาร่วมทีมและขยายธุรกิจในอนาคต จากปัจจุบันที่ได้รับงานพัฒนาแพลตฟอร์มด้านการเงินแก่ลูกค้าในประเทศอินโดนีเซียและสิงคโปร์
ทั้งนี้ บลูบิค โกลบอล จะดำเนินธุรกิจให้บริการพัฒนาระบบดิจิทัลและให้คำปรึกษาด้านเทคโนโลยี (Digital Excellence & Delivery) และธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องแก่ลูกค้าองค์กรในต่างประเทศ โดยมุ่งเน้นให้บริการแก่ลูกค้าในภูมิภาคอาเซียน โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจสถาบันการเงินที่มีศักยภาพการเติบโตที่ดี และมีแนวโน้มความต้องการด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ปัจจุบัน บริษัทฯ ได้ขยายการบริการแก่ลูกค้าในต่างประเทศ โดยเข้าไปให้บริการพัฒนาแพลตฟอร์มด้านการเงินเพื่อรองรับการทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันแก่ลูกค้าองค์กรในประเทศอินโดนีเซียและสิงคโปร์ โดยผลตอบรับถือว่าเป็นที่น่าพอใจเนื่องจากได้รับงานเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง คาดว่าในปี 2564 จะสร้างรายได้คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 10% ของรายได้รวม และมีพัฒนาการอย่างต่อเนื่องในปี 2565