การ เปิดตัว “ครีเอทีฟ คลาวด์ เอ็กซ์เพรส” (Creative Cloud Express) แอปพลิเคชันใหม่ล่าสุดของยักษ์ใหญ่อย่างอะโดบี (Adobe) อาจเป็นสัญญาณบอกใบ้ครั้งใหญ่ถึงแนวโน้มธุรกิจซอฟต์แวร์ที่บริษัทจะเดินต่อไปในอนาคต นั่นคือการยึดหลักการ “ฟรีเมียม” (freemium) กลยุทธ์การตั้งราคาสินค้าให้ฟรีหรือไม่คิดค่าบริการ แต่จะมีการสงวนคุณสมบัติพิเศษบางอย่างไว้ แล้วเก็บค่าบริการเพื่อให้ลูกค้า หรือองค์กรที่พร้อมจ่ายมีโอกาสได้รับฟีเจอร์การใช้งานที่เหนือชั้นยิ่งขึ้น
กรณีของ Creative Cloud Express อะโดบีใช้โมเดลฟรีเมียมเป็นอาวุธในการเข้าถึงกลุ่มคนที่อยากใช้งานเครื่องมือสร้างสรรค์ทรงพลังของอะโดบีอยู่แล้ว แต่ไม่ค่อยตื่นตัวเพราะแอปรุ่นใหญ่มีการตั้งราคาที่สูงลิ่ว ดังนั้น แอปน้องใหม่อย่าง Creative Cloud Express จึงถูกแจ้งเกิดออกมาเพื่อเจาะตลาดคนกลุ่มนี้ โดยซอฟต์แวร์รุ่นเริ่มต้น (Lite) เปิดให้ใช้งานได้ฟรีบนอุปกรณ์พกพา หรือผ่านเว็บเบราว์เซอร์ ซึ่งใครที่อยากได้คุณสมบัติพิเศษจะมีราคา 9.99 เหรียญสหรัฐต่อเดือน (ราว 300 บาท)
รูปแบบการเก็บค่าบริการฟรีเมียมนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ ที่ผ่านมา อะโดบีใช้โมเดลนี้แล้วกับบางซอฟต์แวร์เช่นเดียวกับบริษัทซอฟต์แวร์อื่นทั่วโลก แต่ Creative Cloud Express ถือเป็นผลิตภัณฑ์ฟรีเมียมตัวแรกของบริษัทที่จะเริ่มทำตลาดจริงจังในปีนี้ เชื่อว่าจะเป็นคอนกรีตเสริมความแข็งแกร่งจากฐานเดิมที่อะโดบีเป็นบริษัทซอฟต์แวร์รายใหญ่อันดับ 2 ของโลกอยู่แล้ว และมีรายได้รวมในช่วงปีการเงิน 2020 มากกว่า 12,800 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 4.27 แสนล้านบาท***คลุมทั้งนักเรียน ธุรกิจขนาดเล็ก และครีเอเตอร์
Creative Cloud Express เป็นแอปครอบจักรวาลงานแก้ไขและตัดต่อที่ออกแบบมาสำหรับนักเรียน เจ้าของธุรกิจขนาดเล็ก หรือใครที่ต้องการเปลี่ยนงานอดิเรกให้เป็นอาชีพ แทนที่จะต้องใช้แอปพลิเคชันหลายตัว อะโดบีรวบรวมและจัดชุดมาให้ผู้ใช้สามารถคลิกดาวน์โหลดครั้งเดียวก็สามารถแก้ไขรูปภาพ ตัดแต่งวิดีโอ และสร้างไฟล์ภาพเคลื่อนไหวหรือ GIF พร้อมกับสร้างเนื้อหาอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับลูกค้าของทุกคน
ผลิตภัณฑ์ฟรีเมียมตัวล่าสุดของอะโดบียังแจ้งเกิดในช่วงก่อนวันคริสต์มาส ซึ่งอาจเป็นกรอบเวลายอดเยี่ยมที่ผู้ใช้จะเริ่มต้นทดลองใช้แอปพลิเคชันของอะโดบี
บนอุปกรณ์ใหม่ ทุกคนสามารถดาวน์โหลด Creative Cloud Express ได้ฟรีจาก Microsoft store, Apple App Store หรือ Google Play Store คุณสมบัติที่ได้รับแบบไม่เสียค่าใช้จ่ายนั้นมีทั้งการใช้งานได้บนเว็บไซต์และมือถือ โดยผู้ใช้สามารถเลือกเทมเพลตสำหรับออกแบบ แล้วเลือกใช้แบบอักษร Adobe Fonts ได้หลากหลาย ขณะเดียวกัน ก็สามารถเลือกภาพถ่ายในคอลเลกชัน Adobe Stock แบบฟรีที่ไม่มีค่าลิขสิทธิ์ รวมถึงสามารถแก้ไขหรือเพิ่มเอฟเฟกต์ภาพถ่าย ลบพื้นหลัง และทำแอนิเมชัน ทั้งหมดสามารถเก็บในพื้นที่เก็บข้อมูลฟรี 2GB ที่ผู้ใช้ทุกคนจะได้รับทันทีเมื่อสมัครใช้งาน
ความเคลื่อนไหวนี้มองได้ว่าอะโดบีกำลังเดิมพันให้ปลาเล็กปลายน้อยได้สมัครทดลองใช้ Creative Cloud ฟรีก่อน ซึ่งอาจจะส่งผลให้แต่ละคนนำไปพิจารณาว่าแอปอื่นๆ เช่น Photoshop และ Premiere Pro นั้นเหมาะสมกับความต้องการของใครหรือไม่ สำหรับ Creative Cloud รูปแบบการชำระเงินจะประกอบด้วยการทดลองใช้ฟรี 3 เดือน ซึ่งจะมีรูปภาพและเทมเพลตเพิ่มเติมให้เลือก ควบคู่ไปกับความสามารถในการส่งออกโปรเจกต์เป็น PDF รวมถึงคุณสมบัติที่มีประโยชน์อื่นๆ โดยทุกคนสามารถลงทะเบียนแล้วตัดสินใจว่าจะเลือกเฉพาะแพกเกจ Creative Cloud Express หรือจะเลือกเป็น Creative Cloud All Apps
***ตัวจริงมาปีหน้า
อะโดบีนั้นย้ำว่า Creative Cloud Express แบบพรีเมียม (premium) สำหรับองค์กร (รุ่น Enterprise) กำลังจะแจ้งเกิดในปี 2565 ซึ่งแปลว่าจะมีการขายเหมาไลเซนส์เป็นแพกเกจให้พนักงานทั้งองค์กรได้จริงจังในปีหน้าเป็นต้นไป
ถึงตรงนี้ต้องยอมรับว่าข้อเสนอใหม่จากอะโดบีนั้นน่าประทับใจ การเพิ่มความยืดหยุ่นให้ทำงานได้ทั้งบนแท็บเล็ตและเว็บเบราว์เซอร์นั้นช่วยให้ Express โดนใจผู้ใช้จำนวนมาก ตอบโจทย์พฤติกรมความนิยมใช้เว็บเบราว์เซอร์ที่ถนัดเพื่อใช้งานเว็บแอปบางตัว ซึ่งเป็นรูปแบบที่อะโดบีกำลังบอกใบ้ว่า ธุรกิจของบริษัทและส่วนธุรกิจ Creative Cloud ในอนาคตอาจจะยึดหลักดำเนินการในแนวทางฟรี (เมียม) แบบนี้
มีความเป็นไปได้ว่า Creative Cloud Express จะเป็นจุดเริ่มต้นของโปรเจกต์ใหม่เพื่อปั้นอะโดบีในยุคใหม่ ภาพนี้จะชัดขึ้นอีกหากคุณสมบัติของ Creative Cloud Express ขยายไปคลุมคุณสมบัติที่ได้รับแรงบันดาลใจจากแอปอื่นๆ ของอะโดบีอีก อย่างเช่น Illustrator และ XD ซึ่งเมื่อนั้น Creative Cloud Express จะยิ่งเป็นการเริ่มต้นที่น่าดึงดูดและน่าตื่นเต้นขึ้นไปอีก