การ์ทเนอร์คาดการณ์มูลค่าตลาดไอทีทั่วโลกปี 2565 เติบโตเกินกว่า 4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ประเทศไทยเติบโตเพิ่มขึ้น 6.4% เทียบจากปีนี้ คิดเป็นมูลค่า 8.7 แสนล้านบาท
นายจอห์น-เดวิด เลิฟล็อค รองประธานฝ่ายวิจัย บริษัท การ์ทเนอร์ กล่าวว่า องค์กรธุรกิจจะพัฒนาสร้างเทคโนโลยีและซอฟต์แวร์ใหม่ๆ เพิ่มมากขึ้น แทนที่จะเป็นการซื้อและเอาไปใช้ ซึ่งส่งผลให้มูลค่าการใช้จ่ายไอทีปี 2565 เติบโตลดลง เมื่อเทียบกับปี 2564 เบื้องต้น การ์ทเนอร์คาดการณ์แนวโน้มการใช้จ่ายไอทีทั่วโลกปี 2565 จะมีมูลค่า 4.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นเป็น 5.5% จากปี 2564
"อย่างไรก็ตาม การสร้างสรรค์เทคโนโลยีดิจิทัลยังเป็นกลยุทธ์ทางธุรกิจที่สำคัญอันดับต้นๆ ขององค์กรต่างๆ เนื่องจากพวกเขายังมุ่งมั่นสร้างและพัฒนาวิถีการทำงานในอนาคตอย่างต่อเนื่อง และเน้นการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเพื่อเสริมเกราะความปลอดภัย รวมถึงรองรับการทำงานในแบบไฮบริดของพนักงานที่จะทวีความซับซ้อนมากขึ้นในปีหน้า"
ในปี 2565 คาดว่ามูลค่าใช้จ่ายซอฟต์แวร์ระดับองค์กรจะเติบโตสูงที่สุดถึง 11.5% ได้แรงขับจากการใช้จ่ายในซอฟต์แวร์โครงสร้างพื้นฐานที่เติบโตแซงหน้าซอฟต์แวร์แอปพลิเคชั่ฝน และการใช้จ่ายด้านอุปกรณ์ดีไวซ์ทั่วโลกพุ่งแตะระดับสูงสุดในปีนี้ (15.1%) เป็นผลมาจากกิจกรรมแบบรีโมตต่างๆ เช่น การทำงาน การดูแลสุขภาพและการเรียนการสอนทางไกลที่ขยายตัวต่อเนื่อง แต่การ์ทเนอร์คาดว่าในปี 2565 จะยังเห็นการเพิ่มขึ้นขององค์กรที่อัปเกรดอุปกรณ์และ/หรือลงทุนในอุปกรณ์ที่สามารถเชื่อมต่อหลากหลายเพื่อสร้างการเติบโตและใช้ตั้งค่าการทำงานแบบไฮบริด
สำหรับตัวเลขคาดการณ์มูลค่าการใช้จ่ายด้านไอทีของประเทศไทย พบว่า การใช้จ่ายผลิตภัณฑ์และบริการเทคโนโลยีในประเทศไทยในปีหน้าจะเติบโตเพิ่มขึ้น 6.4% เทียบจากปีนี้ หรือคิดเป็นมูลค่า 8.7 แสนล้านบาท โดยบริการด้านการสื่อสารเป็นตลาดที่มีมูลค่าการใช้จ่ายไอทีที่ใหญ่ที่สุด แต่คาดว่าจะเติบโตต่ำสุดในปี 2565
มูลค่าใช้จ่ายในหมวดอุปกรณ์ดีไวซ์ (สำหรับคอมพิวเตอร์พีซีและแท็บเล็ตเป็นหลัก) จะโตสูงสุดที่ 21.7% ในปี 2564 ตามที่การทำงานระยะไกลและการเรียนรู้ทางไกลกลายเป็นวิถีใหม่ โดยผู้บริโภคและองค์กรธุรกิจต่างอัปเกรดอุปกรณ์ และ/หรือลงทุนในอุปกรณ์ที่สามารถเชื่อมต่อหลากหลายเครื่องเพื่อใช้ทำงานระยะไกลและแบบไฮบริด
การ์ทเนอร์ยังคาดการณ์ด้วยว่าซอฟต์แวร์ระดับองค์กรจะเป็นกลุ่มที่มีมูลค่าการใช้จ่ายเติบโตสูงที่สุดในปี 2565 เพิ่มขึ้นที่ 14.8% จากปีก่อน
“สิ่งที่เปลี่ยนแปลงในปีที่แล้วและปีนี้กลับไม่ใช่ตัวเทคโนโลยี แต่เป็นผู้คนที่มีความตั้งใจจริงและกระตือรือร้นในการนำเทคโนโลยีมาปรับใช้ในรูปแบบต่างๆ ซึ่งในปี 2565 ผู้บริหารไอทีจำเป็นต้องกำหนดและตั้งค่าวิธีการทำงานใหม่ๆ โดยนำความสามารถในการประกอบธุรกิจแยกย่อยและเทคโนโลยีที่รองรับเวิร์กโฟลว์ที่ไม่สอดประสานกัน” นายเลิฟล็อค กล่าวเพิ่มเติม